วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

นาคศาสตร์ ตำนานพญานาคในแบบต่างๆ


~พญานาคคืออะไร
ข้อมูลจากเวบ palungjit.org
พญานาคคือะไร มาหาคำตอบกัน

มักมีการตั้งคำถามว่าพญานาคคืออะไร ทำไมเรื่องของพญานาคถึงมีมากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถวๆ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า โดยเฉพาะประเทศไทย มีคนสนใจพญานาคกันมากจริงๆ นะคะ งั้นลองมาอ่านกันดูดีกว่าค่ะ

พญานาคตามวรรณคดีนั้นคืออมนุษย์พวกหนึ่งเป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ เป็นเจ้าแห่งงูอยู่ในบาดาล คือใต้แผ่นดินที่เรา อาศัยอยู่ลึกลงไป รูปร่างโดยทั่วไปเป็นงูใหญ่ แต่มีเกล็ดและมีหงอนงาม มาก พญานาคนั้นเป็นโอรสของพระกัสยปเทพบิดร (ซึ่งเป็นโอรสของพระพรหมอีกทีหนึ่ง) กับ นางกัทรุ (ธิดาของพระทักษะประชาบดี)

เมื่อกำเนิดมามารดาได้คลอดบุตรออกมาเป็นไข่ ๑,๐๐๐ ฟองและ ๕๐๐ ปี ต่อมาก็แตกออกมาเป็นพญานาคนี้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อกล่าวถึง นาคแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องครุฑแทรกเข้ามาด้วย คือในขณะเดียวกันกับพวกนา จะเกิดขึ้นนี้ พระกัสยปเทพบิดรมีชายาอีกนางหนึ่งคือนางวินตา

ซึ่งคาดว่าจะมีเรื่องระหอง ระแหง กับนางกัทรุมารดาของพวก นาคทั้งที่เป็นพี่น้องกัน สาเหตุ นั้นคือเมื่อนางกัทรุตั้งครรภ์ นางขอพรพระกัสยปให้มีโอรสที่มีฤทธิ์หนึ่งพัน พระกัสยป ผู้เป็นพระสวามีก็ให้พรตามที่นางขอ นางวินตาเห็นดังนั้นก็ขอพรบ้างแต่ขอให้มีโอรสเพียง ๒ องค์ แต่ให้มีฤทธิ์อำนาจเหนือกว่า โอรสของนางกัทรุ

ดังนั้นเพียงแคขอพรก็เห็นได้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่อง เพราะใครคงไม่อยาก ให้ลูกคนอื่นดีกว่าลูกตนเอง แต่ยังก่อนจนกระทั่งเวลาผ่านไป ๕๐๐ ปี นางทั้งสองต่าง ก็คลอดโอรส โดยนางกัทรุคลอดออกมาเป็นนาคทั้งหมดส่วนนางวินตาคลอดโอรสออกมา เป็น ไข่ ๒ ฟอง แต่ยังไม่แตกออกมา

นางร้อนใจจึงรีบทุบไข่ ฟองหนึ่งออกมา ผลปรากฏว่าไข่ ฟองแรก ของนางเกิดเป็นพระอรุณเทพบุตร มีรูปร่างใหญ่โต แต่มีร่างเพียงครึ่งเดียวเพราะเกิดก่อนกำหนด พระอรุณโกรธแม่มากเลยสาปให้นางวินตาต้องเป็นทาสนางกัทรุ ๕๐๐ ปีจน กว่าโอรสองค์ที่สองคือครุฑจะถือกำเนิดแล้วจะมาปลดปล่อยให้เป็นไท

ส่วนตนเองก็เหาะขึ้นฟ้า ไปเป็นสารถีให้พระอาทิตย์ ต่อมานางกัทรุกับนางวินตาเกิดพนันขันต่อกันขึ้นว่า ม้าเทียมรถพระอาทิตย์คือม้าอุจไฉสรพะมีสีอะไรนางวินตา ว่ามีสีขาวส่วนนางกัทรุว่ามีสีดำ ซึ่งความจริงม้านั้นมีสีขาวทั้งตัว นางกัทรุในตอนหลังทราบว่า ม้าเทียมรถพระอาทิตย์มีสีขาวกกลัวจะแพ้พนัน เลยให้นาคที่เป็นโอรสไปพ่นพิษใส่จนกลาย เป็นสีดำ

หรือบางตำราก็ว่าให้นาคแปลงตัวไปแทรกขนม้าจนกลายเป็นขนสีดำ พอเช้ามานาง วินตาก็ต้องแพ้พนันไปตามระเบียบต้องยอมตัวเป็นทาสตามเดิมพันจวบจน ๕๐๐ ปี ให้หลัง ครุฑจึงเกิดมาเป็นพญานกมีฤทธิ์มาก เห็นแม่เป็นทาสก็เลยหาทางช่วยโดยไปต่อรองกับ พวกนาคว่าจะขโมยน้ำอมฤตมาให้พวกนาคดื่มเพื่อจะได้เป็นอมตะ ซึ่งครุฑก็ขโมยมาจาก พระอินทร์ได้สำเร็จ

่ถึงแม้พวกเทวดาตามมาแย่งคืนก็สู้ครุฑไม่ได้ จนถึงพระนารายณ์มารบก็เพียง เสมอกัน จึงมีข้อตกลงกันว่าเวลานั่งครุฑจะนั่งสูงกว่าพระนารายณ์แต่ถ้า พระนารายณ์จะเสด็จไปไหน ครุฑจะต้องเป็นพาหนะ และพระนารายณ์ให้พรครุฑให้เป็นอมตะแม้ไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตทั้งยัง ได้กินพวกนาคเป็นอาหารด้วย

หลังจากนั้นเมื่อครุฑนำน้ำอมฤตมาให้พวกนาค ๆ ก็ได้ปล่อย นางวินตาให้เป็นไทส่วนน้ำอมฤตวางไว้บนหญ้าคา แถมครุฑยังลวงให้พวกนาคไปชำระ ร่างกายให้สะอาดก่อนดื่ม ซึ่งพระอินทร์ได้ฉกฉวยจังหวะนั้นนำคณโฑน้ำอมฤตกลับไปได้ (โดยแอบตกลงกับครุฑไว้ก่อน)

ส่วนพวกนาค เมื่อน้ำอมฤตหายไปก็เสียดายนัก จึงไปเลีย ตามหญ้าคานั้น ใบหญ้าคมก็บาดลิ้นนาคเป็น ๒ แฉก งูจึงมีลิ้น ๒ แฉกตลอดมา ฝ่ายครุฑ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจช่วยแม่สำเร็จก็เริ่มปฏิบัติการจองเวรจับนาคมาเป็นอาหาร ครุฑกับนาค จึงเป็นศัตรูกันเรื่อยมานับแต่นั้น

ประเภทของพญานาค

พญานาคสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามแต่จะแบ่งเช่นหน้าที่พิษ การกำเนิด ซึ่งคัมภีร์ทางพุทธศาสนาได้ แบ่งพญานาคออกอย่างละเอียดได้ถึง ๑,๐๒๔ ชนิด ในหนังสือ ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ปริจเฉทที่ ๕ ได้จัดหมวดหมู่ของพญานาคไว้ดังนี้

พญานาคมี ๔ ประเภทคือ

๑. กฏฐมุข พญานาคที่มีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วร่างกายผู้นั้นจะแข็งไปหมดทั้งตัว อวัยวะต่าง ๆ เช่นแขนจะงอเข้าและยืดออกไม่ได้และปวดมาก

๒. ปูติมุข พญานาคที่มีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วรอยแผลที่ถูกกัดนั้นจะเน่าและมีน้ำเหลืองไหลออกมา

๓. อคคิมุข พญานาคที่มีพิษชนิดหนึ่งถ้ากัดผู้ใดแล้วจะเกิดความร้อนไปทั่วทั้งตัว และรอย แผล ที่ ถูก กัดนั้นเป็นรอยริ้ว คล้ายกับถูกไฟไหม้

๔. สตถมุข พญานาคที่มีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วผู้นั้นก็เหมือนกับถูกฟ้าผ่า

ในบรรดาพญานาคทั้ง ๔ ประเภทนี้ พญานาคที่มีพิษประเภทหนึ่งๆ ก็มีวิธีทำ
อันตรายได้ ๔ วิธีคือ

๑. ทัฏฐวิสาพญานาค ถ้ากัดแล้วก็เกิดพิษซ่านไปทั่วทั้งตัว

๒. ทิฏฐวิสพญานาค ใช้มองดูแล้วพ่นพิษออกทางตา

๓. ผุฏวิสพญานาค มีพิษทั่วไปที่ร่างกาย ใช้ร่างกายกระทบก็เกิดเป็นพิษซ่านออกมาได้

๔. วาตวิสพญานาค ใช้ลมหายใจพ่นเป็นพิษ และพิษอันนี้สามารถแผ่ซ่าน ไปได้

พญานาคประเภทหนึ่ง ๆ จากพิษ ๔ ประเภทข้างต้น ก็มีวิธีทำอันตรายได้ประเภทละ ๔ ชนิด รวมพญานาค ๔ ประเภททั้งพิษทั้งวิธีทำอันตรายแบ่งได้เป็น ๑๖ ชนิด เมื่อแบ่งตามวิธีที่จะทำอันตรายได้ทั้ง ๑๖ ชนิดนี้แล้ว

ชนิดหนึ่ง ๆ ก็แบ่งตามการแพร่กระจายของพิษได้อีก เป็น ๔ ชนิดคือ

๑. อาคตวิส น โฆรวิส มีพิษ แผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่รุนแรง

๒. โฆรวิส น อาคตวิส มีพิษ แรงมาก แต่พิษนั้นแผ่ออกไปอย่างช้า ๆ

๓. อาคตวิส โฆรวิส มีพิษแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็วและแรงมาก

๔. น อาคตวิส น โฆรวิส มีพิษแผ่ออกไปช้าและไม่แรง

รวมเป็นทั้งพิษวิธีการทำอันตราย และการแพร่กระจายของพิษได้เป็น ๖๔ ชนิด และในบรรดา ๖๔ ชนิดนี้





ชนิดหนึ่ง ๆ แบ่งได้เป็น ๔ ชนิด ตามการเกิดคือ

๑. อัณฑชะพญานาค พญานาค ที่เกิดในไข่

๒. ชลาพุชะพญานาค พญานาค ที่เกิดในครรภ์

๓. สังเสทชะพญานาค พญานาค ที่เกิดจากเหงื่อไคล

๔.โอปปาติกะพญานาค พญานาคที่พอเกิดมาก็ตัวใหญ่โตเต็มวัยเลยทีเดียว

รวมเป็น พญานาค ๒๕๖ ชนิด และในบรรดาพญานาค ๒๕๖ ชนิดนี้ ชนิดหนึ่ง ๆ ยังแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิดตามแหล่งกำเนิด คือ

เมื่อรวมการแบ่งตามแหล่งกำเนิดด้วยแล้วจะเป็นพญานาค ๕๑๒ ชนิด และในพญานาค ๕๑๒ ชนิดนี้ ชนิดหนึ่ง ๆ ยังแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิดคือ

๑. กามรูปีพญานาค พญานาค ที่เสวยกามคุณ (ยังเสพกามอยู่)

๒. อกามรูปีพญานาค พญานาค ที่ไม่เสวยกามคุณ (ไม่เสพกาม)

รวมเป็นพญานาคทั้งสิ้น ๑,๐๒๔ ชนิด ตามที่อธิบายถึงพญานาคมี ๑,๐๒๔ ชนิดนี้ มีมาในขันธวัคคสังยุตตอัฎฐากถา นาควัคค

นอกจากนี้ยังแบ่งพญานาคได้ตามหน้าที่ดังนี้

๑. นาคสวรรค์ มีหน้าที่เฝ้าวิมานเทวดา

๒. นาคกลางหาว มีหน้าที่ให้ลม ให้ฝน (คงเป็นนาคประเภทนี้ที่คอยให้น้ำ)

๓. นาคโลกบาล มีหน้าที่รักษาแม่น้ำลำธาร

๔. นาครักษาขุมทรัพย์
พญานาคที่มีฤทธิ์มากนั้นสามารถเนรมิตตนให้เป็นคนได้แต่ถึงแม้จะ เนรมิตตนให้เป็นคนได้ นั้นก็ยังมีลักษณะอาการ

๕ อย่างที่มีประจำตัวอยู่นั้นไม่สามารถจะทำให้หายไปได้ คงปรากฏขึ้นตามปกติธรรมดาของพญานาคนั้นเอง

ลักษณะอาการ ๕ อย่างนั้นคือ

๑. ในขณะปฏิสนธิ (เกิด) ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค

๒. ในขณะกำลังลอกคราบอยู่ รูปร่างสัณฐานก็คงปรากฏเป็นพญานาค อยู่ตามเดิม

๓. ในขณะเสพเมถุนอยู่กับพญานาคด้วยกัน รูปร่างก็คงเป็นพญานาค

๔.ในขณะนอนหลับนั้นถ้าหากเวลาใดนอนหลับไปโดยปราศจากสติ ขณะนั้นร่างกายก็กลับเป็นพญานาคขึ้นมา

๕.ในขณะตายก็ต้องปรากฏร่างเป็นพญานาค

ซึ่งตามข้อ ๔. นั้นเคยมีเรื่องปรากฏว่าในสมัยพุทธกาลมีพญานาคตนหนึ่ง มีจิตศรัทธาใน พระพุทธศาสนาได้เนรมิตตนเป็นมนุษย์ มาบวชเป็นพระภิกษุได้สำเร็จ

อยู่ต่อมาในวันหนึ่งเกิด นอนหลับร่างกายก็กลับเป็นพญานาคตามเดิม พระภิกษุรูปอื่นมาเห็นเป็นงูใหญ่ห่มจีวรอยู่ จึงเกิด เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ในที่สุดจึงมีพระพุทธฎีกาห้ามมิให้สัตว์ดิรัจฉานได้บวชในพระพุทธศาสนา

พญานาคนั้นมีความอาลัยจึงทูลขอให้ฝากชื่อ "นาค" ไว้ให้แก่กุลบุตรผู้ที่จะบวชนัยว่าเพื่อไว ้แทนตนที่จะไม่ได้ บวชต่อไป

ในเรื่องอายุของพญานาคก็ไม่แน่นอนบางตนก็อายุสั้น บางตนก็อายุยืนพวกที่อายุยืนถึงแม้ พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ พญานาคก็ยังคงมีอายุต่อไปได้

เช่น พญานาคตนหนึ่ง ชื่อว่ากาละกาละพญานาคนี้มีอายุมาตั้งแต่ พระกกุสันธะจนถึงพระโคดมและมีอายุ ยืนต่อไปจนถึงพระศรีอริยเมตตรัย

(ในช่วงที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๕ พระองค์นี้เรียก ว่าภัทรกัลป์ โดยพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์นั้น คือพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคดมพุทธเจ้า และพระศรี อริยเมตตรัยพุทธเจ้า)

กล่าวถึงในตอนต้นนั้นว่าครุฑย่อมจับนาคกินเป็นอาหาร

แต่มีนาคที่ครุฑไม่สามารถจับเป็น อาหาร ได้มีอยู่ ๗ จำพวก คือ

๑. นาคอันมีกำเนิดประณีตกว่าครุฑ

๒. กัมพลัสตรนาคราช

๓. ธตรัฐนาคราช

๔. นาคอันอยู่ในสีทันดรสมุทรทั้งเจ็ด

๕. นาคอันอยู่ในแผ่นดิน

๖. นาคอันอยู่ในภูเขา

๗. นาคอันอยู่ในวิมาน

ตามธรรมดาแล้วนาคย่อมกลัวครุฑเฉพาะนาคตระกูลต่ำกว่านาคทั้ง ๗ จำพวกนี้ และขนาด ของพญานาคก็มีผลทำให้รอดจากปากครุฑ คือถ้าตัวโตใหญ่กว่าครุฑแล้วครุฑก็ไม่สามารถ จับมากินได้

ดังในไตรภูมิพระร่วงกล่าวว่า เมื่อครุฑราชเอานาคกินดังนั้น เอาแต่นาคอัน เท่าตน และน้อยกว่าตนและใหญ่กว่าตนนั้นก็เอากินบ่มิได้และ นอกจากนี้ยังกำหนดอีกว่าครุฑ สามารถจับนาคกินได้เฉพาะนาคที่มีกำเนิดเสมอกับตนและต่ำกว่าตนเท่านั้น

ไม่สามารถจับ นาคที่มีกำเนิดสูงกว่าตนได้ เช่น ครุฑที่มีกำเนิดแบบชลาพุชะ (เกิดในครรภ์) สามารถจับ ชลา พุชะพญานาคที่มีกำเนิดเสมอกับตนและอัณฑชะพญานาคที่มีกำเนิดต่ำกว่าตนเป็น อาหารได้ แต่ไม่สามารถจับพญานาคที่มีกำเนิดแบบสังเสทชะพญานาคและ โอปปาติกะพญานาค ซึ่งมีกำเนิดสูงกว่าตนเองได้

ชาดกกล่าวถึงความยาวเพียงอย่างเดียวดังนี้ มีพระยาสุบรรณ (อีกชื่อหนึ่งของพญาครุฑ) ตนหนึ่งจำแลงกายให้ใหญ่ประมาณได้ ๑๕๐ โยชน์

(โยชน์เป็นหน่วยวัดระยะทางโบราณ โดย ๑ โยชน์ เท่ากับ ๔๐๐ เส้น และ ๑ เส้น เท่ากับ ๒๐ วา ดังนั้น ๑ โยชน์จะเท่ากับ ๔๐๐ x ๒๐ = ๘,๐๐๐ วา)

กระพือปีกแหวกน้ำทำให้เป็นช่องลงไปในมหาสมุทร แล้วจับพญานาค มีกายยาวได้ ๑,๐๐๐ วาคือ ๕๐ เส้น โดยตอนหางให้สำรอกอาหารออกแล้วคาบพาบินมา โดยส่วน เบื้องบนแห่งป่าตรงมายังต้นโกฏสิมพลี (ต้นงิ้ว) ส่วนพญานาคเมื่อพระยาสุบรรณจับห้อยหัวอยู่นั้น

จึงดำริว่าเราจักเปลื้องตนให้พ้นอันตราย จึงกระหวัดรัดต้นไทรด้วยขนดกายให้มั่น ต้นไทรนั้นก็ถอนหลุดออกส่วนพญานาคนั้นก็มิได้ปล่อยต้นไทร สุบรรณก็จับพญานาค ทั้งต้นไทร บินไปถึงต้นงิ้ว แล้วให้พญานาคนอนอยู่ ณ หลังคาคบ จึงฉีกท้องออกกินเป็นอาหาร แล้วทิ้งซากศพลงในมหาสมุทร

ซึ่งถ้าพิจารณาถึงขนาดของครุฑกับนาคตามนี้แล้วจะเห็นว่า ขนาดต่างกันมาก คือครุฑ ตัวใหญ่ถึง ๑๕๐ โยชน์หรือ ๑๕๐ x ๔๐๐ x ๒๐ = ๑,๒๐๐,๐๐๐ วา เมื่อแปลงหน่วยเป็นเส้นคือ ๖๐,๐๐๐ เส้น ส่วนพญานาคยาวเพียง ๑,๐๐๐ วา หรือ ๕๐ เส้นเท่านั้น

(ดังนั้นนาคก็ต้องเป็นอาหารครุฑอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะขนาดต่างกันยิ่งกว่า เหยี่ยว โฉบหนอนเสียอีก แต่ถ้าครุฑตัวใหญ่ ๑๕๐ เส้นหรือ ๓,๐๐๐ วา แล้วพญานาคยาว ๑,๐๐๐ วา บางทีอาจสูสีพอฟัดพอเหวี่ยงกัน - ผู้เขียน)

ขนาดของพญานาคยังไม่ปรากฏขนาดที่แน่ชัด ในโกฏสิมพลี สาเหตุที่พญานาคมีพิษ ในลิลิต นารายณ์สิบปางกล่าวไว้ว่า เหตุที่พวกนาคมีพิษเพราะเมื่อคราวกวนน้ำอมฤตสิ่งที่ผุดขึ้นจาก สมุทร เป็นอันดับหกคือพิษ

ฝูงนาคได้พากันสูบไว้ นาคและงูจึงมีพิษสืบมา ดังโคลงที่ว่า

ที่หกพิษผุดขึ้นจากสมุทร ทวยเทพบ่อยากชิมอยากได้
แต่ฝูงนาคเร็วรุด รีบสูบ ไว้แฮ

งูจึ่งมีพิษไว้สืบมา ซึ่งพิษของพญานาคเป็นเช่นไร ก็ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว

สถานที่อยู่ของพญานาค โลกบาดาลซึ่งอยู่ใต้โลกมนุษย์ลงไปเป็นที่อยู่ของพวกนาคนั้นเรียก ว่านาคพิภพซึ่งตั้งอยู่ ณ ท่ามกลางมหาสมุทรนั้นเป็นช่องแผ่นดิน มีลักษณะต่าง ๆ กัน กว้างใหญ่ประมาณ ๑๐๐ โยชน์บ้าง ๓๐๐ โยชน์บ้าง ๕๐๐ โยชน์บ้าง

เป็นแผ่นดินเสมอกันทุกแห่ง เลื่อมขาวงามเหมือนแผ่นเงิน มีหญ้าแพรกเขียวมันสูง๔ นิ้วมือ เขียวงาม ๓ นิ้วมือ งามดังแผ่นแก้วไพฑูรย์และดูรุ่งเรืองทั่ว แผ่นดินมีไม้ดอกไม้ผลงดงามตระการตามีปราสาท แก้วปราสาทเงินและปราสาททองงามนักหนา

ในไตรภูมิพระร่วงว่า ใต้เขาพระหิมพานต ์กว้างได้ ๕๐๐ โยชน์เป็นเมืองแห่งนาคราชจำพวกหนึ่ง มีแก้ว ๗ ประการ เป็นแผ่นดิน งดงามเหมือนไตรตรึงษ์

(อีกชื่อหนึ่งของดาวดึงส์อันเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๒ ต่อจากจาตุมหาราชิกา โดยมีพระอินทร์เป็นเทพผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้)

แผ่นดินเหล่านี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ปฐมกัลป์ มีอุทยาน และมีสระใหญ่ ๆ เป็นที่อยู่แห่งฝูงนาค มีแม่น้ำใหญ่เต็มไปด้วยน้ำอันใสสะอาด มีฝูงเต่าและปลาเป็นอันมาก แม่น้ำเหล่านี้เป็นที่เล่นของนาคราชทั้งหลายส่วนน้ำในสระอัน เป็นที่อยู่แห่งฝูงนาคนั้น ใสงามดุจแก้วแผ่นใหญ่ และมีท่าอันราบนักหนา มีดอกบัว ๕ ประการดูงามทุกแห่ง

ดอกบัวหลวงนั้นดอกใหญ่เท่ากงเกวียน เมื่อน้ำสะเทือนไหวไปมา ดูงามนักหนาดังแสร้งแต่งไว้ สำหรับนาคที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรเมื่อใกล้จะคลอดลูก เกรงว่าลูกที่จะเกิดใหม่ จะทนแรงคลื่นในมหาสมุทร กับลมปีกพญาครุฑคู่อาฆาตไม่ได้

ก็จะออกจากมหาสมุทร เดินทางมาคลอดลูกที่ป่าหิมพานต์แล้ว เลี้ยงลูกจนกว่าจะแข็งแรงพอจะ ตามแม่ออกมหาสมุทรได้แล้วจึงพาลูกออกมาสู่มหาสมุทรตามเดิม แต่ก่อนที่จะพาลูกนาคออกมานั้น นางนาคราชจะบันดาลให้เกิด ฝนตกหนักทั่วป่าหิมพานต์ ชนิดฝนห่าใหญ่จนน้ำท่วมนองไปหมด

แล้วจึงเนรมิตปราสาททองซึ่งภายในมีเครื่อง อยู่เครื่องกินเป็นทิพย์ทั้งสิ้น เหมือนวิมานเทวดา สำเร็จเสร็จการ ก็พาลูกนาคขึ้นไปอยู่ และพาลอยน้ำไปจนถึงมหาสมุทรที่ลึกได้ ๒,๐๐๐ วา

ก็พาปราสาทกับลูกดำลงไปอยู่ในมหาสมุทร ลูกนาคก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น เรื่อย ๆ จนมีความยาวได้ ๑๐๐ วา และ ๑,๐๐๐ วา ตามลำดับจนในที่สุดก็โตเต็มท ี่สามารถอาศัยอยู่ได้ด้วยตัวเองในมหาสมุทร

สำหรับที่อยู่ของนาค โลกบาดาล ที่อยู่ใต้โลกมนุษย์นี้ตามคัมภีร์ปัทมะปุราณะกล่าวว่า มี ๗ ชั้นคือ

๑. อตล ผู้ครองชื่อ มหามายะ

๒.วิตล ผู้ครองชื่อ หาตะเกศวร เป็นภาคหนึ่งแห่งพระอิศวร

๓. สุตลผู้ครองชื่อพลีเป็นพญาแทตย์ (ยักษ์,อสูร) เคยบำเพ็ญตบะจนมีฤทธิ์ปราบพระอินทร์ และได้ครอง ๓ โลก (คือโลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และบาดาล)

ต่อมาถูกพระนารายณ์อวตาร เป็นพราหมณ์เตี้ยชื่อวามนไปปราบ โดยขอที่จากท้าวพลีเพียง ๓ ก้าว เมื่อท้าวพลียกให้ วามนสำแดงฤทธิ์ก้าวแรกเหยียบทั่วสวรรค์ ก้าวที่สองเหยียบทั่วโลกมนุษย์แล้วให้พระอินทร์ กลับมาครองสวรรค์ดังเดิม

ส่วนท้าวพลีถูกขับให้ไปอยู่บาดาล ต่อมากลับใจมากระทำยัญญะ กิจบูชาพระนารายณ์กับพระลักษมี พระองค์จึงอนุญาตให้ขึ้นมาอยู่แดนสุตล และมักถือกันว่า ท้าวพลีเป็นเจ้าที่ เรียกกันทั่วไปว่ากรุงพาลี

๔. ตลาตล ผู้ครองชื่อ มายะ

๕. มหาตล เป็นแดนที่อยู่ของงู

๖. รสาตล เป็นแดนที่อยู่ของแทตย์และทานพ (๒ พวกนี้เป็นอสูร ศัตรูของเทวดา)

๗. บาดาล เป็นที่อยู่ของนาค พระยาวาสุกีนาคราชเป็นราชาปกครอง

ตามที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าพญานาคนั้นมีที่มาหลายทางทั้งทางพุทธศาสนาและตาม ตำนานวรรณคดี ต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีที่มาจากศาสนาพราหมณ์ และเห็นได้ชัดว่าพญานาค มีจำนวนมากถึงขนาด ตั้งบ้านเมืองได้ตรงกันทั้งทางพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์

ส่วนพญาครุฑ ถ้ากล่าวถึงในด้านชาดกทางพุทธศาสนาแล้วจะมีเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าพูดถึง พญาครุฑในศาสนาพราหมณ์แล้วจะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้เรื่องราวของพญานาค มีปรากฏแพร่หลายทั้งในด้านศาสนาและตำนานต่าง ๆ ค่อนข้างมาก

และมักจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อในด้านดินฟ้าอากาศหรือน้ำอันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต มนุษย์โดยสะท้อนออก มาทั้งในรูปวรรณกรรม ตำนานและพิธีกรรมของแต่ละพื้นที่

http://www.navy.mi.th/navic/document/871111a.html


14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 24 ดูรายการ
ลงโฆษณาของคุณตรงนี้
พุทธาวตาร
พุทธาวตาร
"อีกเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป..."
โอ้...แม่เจ้า ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องพญานาคได้เลย
สุดยอดละเอียดจริงๆ

อนุโมทนา..สาธุ สำหรับความมุมานะการหาข้อมูลครับ
14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 1 ดูรายการ
~:*พนมวัน*:~
~:*พนมวัน*:~
เป็นที่รู้จักกันดี
มีคนเคยทำสาระนิพนธ์เรื่องนาคจริงๆ ค่ะ

[​IMG]
14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 5 ดูรายการ
~:*พนมวัน*:~
~:*พนมวัน*:~
เป็นที่รู้จักกันดี
คนบางคนอยากเป็นนาค แต่นาคส่วนใหญ่อยากเป็นคน

[​IMG]
14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 7 ดูรายการ
Pompaka
Pompaka
เป็นที่รู้จักกันดี
ขอบคุณครับสำหรับสาระดีๆ...^_^

เผ่าพงษ์วงศ์นาคราชฤทธานุภาพจงเจริญ....
14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 6 ดูรายการ
pk010209
pk010209
เป็นที่รู้จักกันดี
ชอบรูปของคุณระกาจันทร์จังขอ save ไว้นะคะ บทความดีมากๆเลยค่ะค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว:cool:
14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 3 ดูรายการ
~:*พนมวัน*:~
~:*พนมวัน*:~
เป็นที่รู้จักกันดี
ตามสบายนะคะ รูปนาคนารีข้างบนดูลึกลับเหมือนกัน

มีเรื่องนาคที่มาปรากฏตัวให้คนเห็นมาฝากค่ะ

ยายพุ่มกับพญานาค

ความ เชื่อในเรื่องพญานาคที่ปรากฏนี้ เป็นความเชื่อที่แน่นแฟ้นไม่คลอนแคลน เช่นเดียวกับความเชื่อของชาวอุบลฯ ที่เชื่อว่ามีพญานันทนาคราชรักษาเมืองอุบลฯ โดยมีวังอยู่ในแม่น้ำมูลตรงบริเวณท่าน้ำวัดหลวง (ใกล้ตลาดใหญ่) จนถึงกับมีพิธีกรรมบูชาและประทับทรงพญานันทนาคราชที่วัดหลวงในวันออกพรรษา ทุกปี

เกี่ยวกับพญานาคในแม่น้ำมูล มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับยายพุ่ม (ไม่ทราบนามสกุล) ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ตัวยายพุ่มเองเป็นชาวลาว ข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลฯ ตั้งแต่ยังเป็นสาว ต่อมายายสว่าง พาศิริ ได้นำตัวยายพุ่มมาอยู่ด้วยกันที่เมืองอุบลฯ โดยเช่าบ้านอยู่ใกล้ท่าน้ำตลาดใหญ่ ซึ่งเวลานั้นคาดว่าจะเป็นช่วงเวลาราว ๆ พ.ศ. 2469-2470 โดยทั้งยายพุ่มและยายสว่างมีอายุได้ประมาณ 20 ปี

ครั้ง หนึ่งยายพุ่มลงไปอาบน้ำมูล ได้นำผ้าเปื้อนระดูของตนลงไปซักล้างด้วย ขณะที่กำลังยืนแช่น้ำขนาดหัวเข่าซักผ้าเปื้อนระดูอยู่นั้น เห็นงูสีเขียวลอยน้ำตรงเข้ามา แล้วมุดน้ำลงไปพันเกี้ยวรอบขาของยายพุ่ม ชูคอโผล่หัวพ้นน้ำขึ้นมาด้วยลักษณะเป็นงูมีหงอนสีทอง ลำตัวไม่ใหญ่มากแค่ประมาณท่อนแขนของยายพุ่มเอง

ยายพุ่มตกใจถึงกับ หงายหลังล้มลงไป งูสีเขียวหงอนทองก็ชูคออยู่ตรงหน้ายายพุ่มแล้วพูดออกมาเป็นเสียงมนุษย์ว่า “อย่าทำแบบนี้อีกนะ เพราะเห็นว่ามีความสัมพันธ์กับเรามาก่อนจึงจะไว้ชีวิต”

หลัง จากนี้นมายายพุ่มก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนถือศีลปฏิบัติธรรม และไม่อาบน้ำเลยจนกว่าจะถึงวันพระ คือ อาบน้ำเฉพาะวันพระเท่านั้น และจะมาอาบตรงท่าน้ำที่ยายพุ่มพบงูมีหงอนสีทอง ลำตัวเขียว จนตลอดชีวิต

จาก เหตุการณ์นั้น ยายพุ่มยังได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีกอย่างหนึ่งคือ กลายเป็นคนพูดอะไรออกมาแล้วจะเป็นจริงตามพูดทุกอย่าง ไม่ว่าจะพูดเรื่องอดีตหรืออนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตนเองหรือของคนอื่น บอกได้แม้ว่าใครจะตายเวลาไหน ด้วยเหตุอะไร คือพยากรณ์อะไรก็ถูกต้องไปหมดจนเป็นที่นับถือของชาวเมืองอุบลฯ ตลอดสมัยของชีวิตยายพุ่ม

ภายหลังยายพุ่มย้ายมาอยู่ในซอยข้างวัดแจ้ง ยังคงเป็นผู้ที่หากทักท้วงอะไรจะเป็นจริงเช่นเดิม และยังเดินทางไปอาบน้ำที่ท่าน้ำตลาดใหญ่ทุกวนพระเหมือนเดิม จนกระทั่งเสียชีวิตอยู่ที่นี่ขณะมีอายุประมาณ 80 ปี

งานศพยายพุ่ม คนทั้งซอยวัดแจ้งร่วมกันเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งพระเณรในวัดแจ้งด้วย

มีผู้ที่รู้จักใกล้ชิดยายพุ่มท่านหนึ่งคือ ป้านิภา เพียรสุข ปัจจุบันพำนักอยู่ตรงข้ามโรงแรมปทุมรัตน์ เมืองอุบลฯ ได้เล่าว่า

“ยาย พุ่มเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดอะไรออกมาเป็นจริงหมด และยายพุ่มเคยบอกว่าพญานาคที่แม่น้ำมูล ยายพุ่มได้พบเห็นบ่อย อาจจะแทบทุกครั้งที่ลงไปอาบน้ำที่นั่น โดยมักจะเห็นคราวละ 2 ตัว บางทีก็ออกอาการเล่นน้ำหยอกล้อกันคล้าย ๆ จะเป็นนาคผัวมียทำนองนั้น”

เรื่องของยายพุ่มนี้คนที่รู้จักยายพุ่มทุกคนจะรับรองนับถือว่าเป็นความจริง นับว่าแปลกประหลาดดี




ยังมีอีกท่าน หนึ่งซึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับพญานาคอย่างชัดเจน เพราะมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์มากมาย ท่านผู้นี้คือ ยายชีนวล แสงทอง วัดภูฆ้องคำ บ้านดงตาหวาน อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันอายุประมาณ 93-94 ปี

ยายชีนวลค่อนข้างจะมีความพิสดารอยู่ใน ตัวไม่น้อย จนแม้หลวงปู่คำพันธ์ได้เห็นยายชีนวลครั้งแรก ยังแสดงอาการผงะและออกปากว่า “ยายชีผู้นี้ไม่ใช่เล่น เป็นคนมีวิชาเต็มตัว” ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะว่ายายชีนวล
มีลูกศิษ์ลูกหา ทั้งโยมทั้งพระมากมาย ทั้งยังเป็นที่พึ่งคนทุกข์ใจทุกข์กายมาโดยตลอด

ในสมัยยายชีนวลเป็น สาวก็เป็นผู้ใฝ่ธรรม ถือศีล ออกปฏิบัติกับครูบาอาจารย์มากมายหลายสำนัก ทั้งยังเป็นสหายกับสำเร็จตัน ผู้ศิษย์สำเร็จลุนอีกด้วย สำเร็จตันจะไปไหนมักเรียกยายชีนวลไปด้วยกันเสมอ

พอถึงห้วงเวลาหนึ่ง ยายชีนวลก็แต่งงานมีครอบครัว โดยมีชายหนุ่มมาหลงรักและขอแต่งงาน ยายชีนวลได้กำหนดข้อแม้ว่า ถ้าจะแต่งงานกับฉันก็ได้ แต่ต้องรับว่ามี 2 ข้อที่ฉันจะขอเอาไว้คือ หนึ่งฉันจะไม่เข้าครัวทำอาหารให้กิน สองฉันจะไปจากบ้านกับพระกับเจ้าเมื่อไหร่ก็ไม่จำเป็นต้องบอก ชายหนุ่มผู้นั้นก็ยอมรับ

ยายชีนวลใช้ชีวิตแต่งงานอยู่นานพอสมควรก็ขอลาสามีออกบวชชี และบวชเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้

ประสบการณ์ ในการพบเห็นพญานาคของยายชีนวลเกิดขึ้นขณะยายชีนวลมีอายุประมาณ 16-17 ปี ได้บวชเป็นชีแล้ว และด้วยความที่เป็นผู้อุปนิสัยเป็นอิสระในทุก ๆ อย่าง นึกจะไปไหนก็ไป ไม่เคยกลัวอะไร จึงออกธุดงค์ไปถ้ำแกลบ ซึ่งชาวบ้านรำลือว่ามีอาถรรพณ์และความน่ากลัวแอบแฝงอยู่

ถ้ำแกลบอยู่ ในพื้นที่ของอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ในสมัยปี 2472 นั้น บริเวณถ้ำแกลบคือ ป่าดงดิบรกทึบน่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด ชาวบ้านละแวกนี้นไม่กล้าออกไปหาของป่าหรือไปทำอะไรอยู่แถว ๆ นั้น ด้วยมีคนเคยเห็นงูขนาดยักษ์เลื้อยเข้าอออกถ้ำแกลบบ่อย ๆ

เมื่อชาว บ้านเห็นแม่ชีสาวเดินธุดงค์มาและบอกความประสงค์จะขึ้นไปปฏิบัติธรรมอยู่ถ้ำ แกลบ ชาวบ้านก็ตกใจพากันห้ามปรามทัดทานเอาไว้ แต่ไม่สำเร็จ ไม่สามารถเปลี่ยนใจแม่ชีสาวได้ แม้แต่จะเดินทางไปส่งแม่ชีสาวถึงถ้ำแกลบก็ยังไม่มีใครยอมไป คงเพียงแต่อธิบายบอกทางและวิธีไปถึงถ้ำแกลบเท่านั้น

หลังจากแม่ชีสาว เดินขึ้นถ้ำแกลบเล้วก็หายเงียบไปเป็นเวลาแรมเดือน โดยไม่เคยมีใครได้ข่าวหรือเห็นแม่ชีสาวกลับลงมาหมู่บ้านเพื่อหาเสบียงอาหาร

ชาว บ้านทั้งหลายเริ่มวิพาษ์วิจารณ์ด้วยความรู้สึกนึกคิดไปประการต่าง ๆ ทั้งประหลาดใจ และห่วงใยแม่ชีสาว ซึ่งอายุก็ยังน้อยอยู่ จนที่สุดชาวบ้านประมาณ 10 คน รวมกลุ่มคนใจกล้าแล้วก็ตัดสินเดินกันขึ้นถ้ำแกลบเพื่อดูแม่ชีสาวว่าอยู่ อย่างไร

เมื่อไปถึงถ้ำแกลบ ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริด ขนลุกขนชันแทบคุมสติไม่อยู่

ตรงปากถ้ำนั้นมีงูหนอนแดง ลำตัวขาวขนาดใหญ่พันรัดลำตัวของแม่ชีสาวเอาไว้ จนเห็นแค่ใบหน้าและศีรษะของแม่ชีสาวเท่านั้น

ชาวบ้านทุกคนเชื่อว่าขระนั้นแม่ชีสาวคงจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็พากันเผ่นหนีกลับลงมาหมู่บ้าน และเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็นให้คนทั้งหมู่บ้านฟัง แล้วสรุปว่าแม่ชีสาวตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากนั้นอีก 2 วัน ชาวบ้านทั้งหลายก็มีอันต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อได้เห็นแม่ชีสาวเดินกลับลงมาจากถ้ำแกลบถึงหมู่บ้านโดยปลอดภัย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังบอกแก่ชาวบ้านว่า

“ไม่ต้องกลัวท่านพญานาคนั้นหรอก เพราะว่าท่านเป็นพญานาคมีศีลและปฏิบัติธรรมด้วย ขอเพียงให้ชาวบ้านเราทุกคนเมื่อจะขึ้นเขาหาของป่าหรือเข้าใกล้บรเวณนั้น ให้พากันบอกกล่าวท่านก่อน ให้เรียกชื่อท่านว่า พญานาคคำขาว แล้วทุกคนจะปลอดภัย ไม่มีอันตราย หากินก็จะง่าย”

ชาวบ้านทุกคนก้มกราบแม่ชีสาวด้วยความศรัทธาเลื่อมใส และยังกล่าวขวัญถึงเรื่องนี้สืบต่อมาจนทุกวันนี้

ปัจจุบันแม่ชีสาวนั้นกลายเป็นยายชีอายุเกือบ 100 ปี พำนักอยู่เพียงลำพังองค์เดียวในวัดภูฆ้องคำที่ไม่มีแม้แต่พระหรือเณรอยู่อาศัย

เมื่อ กลางปีที่แล้วยายชีนวลถูกงูกัด (เขาลือว่าเป็นงูจงอาง) คิดว่าตนเองจะต้องตายแน่แล้ว จึงกระเสือกกระสนขึ้นกุฏิเข้าพักในนั้น ปิดประตูเงียบจนตลอดคืน พอรุ่งเช้าก็ออกมา ไม่ตาย แถมยังแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า เดินเหินคล่องแคล่วกว่าเดิมอีกด้วย

ยาย ชีนวลมีวิชาความรู้ดีจริงสมคำหลวงปู่คำพันธ์ว่าไว้ ได้ช่วยเหลือญาติโยมมามาก แต่เป็นคนไม่ใคร่พูดเรื่องความหลังหรืออวดวิชา ใครสนทนาซักถามมักจะตอบว่า

“บ่อู้ บ่จัก” (ไม่รู้ ไม่เป็น)

http://www.ampoljane.com/new/index.php?option=com_content&view=article&id=163%3A-5&catid=48%3A2009-07-06-13-03-24&Itemid=80&showall=1

14 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 16 ดูรายการ
texsum
texsum
เป็น
ลองหาอ่านดูเรื่องราวสนุกน่าติดตามให้ธรรมะ "ภูริทัตชาดก"
16 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 2 ดูรายการ
~:*พนมวัน*:~
~:*พนมวัน*:~
เป็นที่รู้จักกันดี
เมื่อปีก่อน ไปดูเข้าทรงที่เค้าบอกว่าเป็นพญานาค ใน อ.เมือง หนองคาย ไปกัน ทั้งหมด 7 คน ร่างทรงชื่อป้าหนูนิ่ม บอกว่าเรากับคนในทีมอีกคน เป็นพญานาค แต่มากันคนละสายค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าคนไหนเป็นสายไหน
17 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 1 ดูรายการ
deity
deity
เป็นที่รู้จักกันดี
จริงๆแล้ว

นาคคือไดโนเสาร์ที่วิวัฒนาการเปนมนุษย์

แต่ลงบาดาลหรือเปล่า?
17 กรกฎาคม 2010
ถูกใจ ถูกใจ x 2 ดูรายการ
(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)
12ถัดไป >

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

พระแม่ลักษมีมาเข้าฝันรามานุจัน บอกสูตรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ทีซับซ้อน


รับฟังคลิปอย่างละเอียดได้คะ


https://youtu.be/HoprzLewuLo


คุณคิดว่าความฝันคือ เหตุการณ์ความจริง
ในมิติโลกทิพย์หรือแค่ฝัน?

คุณคิดว่า มนุษย์ที่สื่อสารกับเทพได้มีจริงไหม?

ความรู้ต่างๆมากมาย พระเจัาฮินดูเมื่ออดีตเคยถ่ายทอด วิชาให้มนุษย์ได้จริงแบบ วิชาโหราศาสตร์ ที่ พระพรหม มาสอนพรามหณ์เมื่อ7000ปีก่อนจริงไหม?

รามานูจัน  อัจฉริยะพลิกโลกเขา

คืออัจฉริยะที่คิดสูตรคำนวณ ฟิสิกส์
จักรวาล หลุมดำ ดาราศาสตร์
ที่ ละเอียดอ่อนได้

โคตรสุดยอดที่กล้าบอกว่าทราบสูตรเพราะ

มีเทพธิดา มาเข้าฝันบอก สูตรคำนวณที่ละเอียดมากกว่า สูตรไอสไตน์

ทำไม เสมียนจนๆที่ไม่ได้เรียน จบสูงๆถึงรู้เรื่อง
ที่มันเข้าใจได้ยาก

ไตเติ้ลหนัง The man who knew infinity

https://youtu.be/oXGm9Vlfx4w

ทำให้ความฝัน ที่อยากจะเป็นแบบ ไอนสไตน์
กลายเป็นความจริง ขึันมา

ความรู้ที่มาจาก เทพเจ้า

https://www.youtube.com/watch?v=P0idBBhGNgU

สาธุ กับhollywood ที่เอาไปสร้างหนังกับสร้างสารคดี ความรู้จากความฝัน

สายลี้ลับเชื่อว่าเขาสื่อสารกับเทพเจ้าได้

สายวิทย์ จะมองว่า ไอ้นี่โกหกบ้า แต่งเรื่อง

Movie หนังอินฟินิตี้
https://youtu.be/hlXHwMgS06c







เราคิดว่าดูใน แอพหนังอย่าง Netfilx ดีกว่า

วิธีการผลิตหิน ศิลาขอน เองแบบง่ายๆและใส่เพชรเก๊พลอยเก๊ เทวรูปเล็กๆ ของเก๊ลงไป

กลโกง เกื่ยวกับ เพชรนาคราช ลูกแก้ว พลอย
https://youtu.be/STZKeguXs6I







รูปปั้น พญานาคในก้อนหิน ศิลาคอน
ยังมีพลาสติคใสๆหุ้มอยู่เลยนะ แถม ดูก็รู้ว่าเผาดินเหนียว ในลาวจะไปทุบรังจอมปลวกที่ขนาดใหญ่ๆ เพราะขุดเอาดินจอมปลอกมาทำก้อน ศิลาขอน

รังปลวก สร้างมาจากการใช้น้ำลายปลวกกับดินเหนียว นำมาสร้างรังที่แข็งแรงและจะขุดดินที่จอมปลวกมาผสม ดินเหนียว

การทำก้อนศิลาขอน ให้มีรูกับ เพชรภายใน
เวลาเขย่าจะมีเสียงเขาก็
ก็เอาน้ำแข็งหลอดยัดตรงกลาง เอาเพชรนาคาใส่รู ตรงกลางน้ำแข็งหลอด

พอเอาใส่ เตาเผา จะเกิดรูตรงกลาง
เพราะ น้ำแข็งละลายเหลือแค่เพชรในรู
พอนำลูก ศิลาขอน มา
ก็เขย่าๆโชว์จะมีเสียง คลิ๊กๆถ้า
ใส่เพชรโดยตรง ลงในก้อนดิน
แบบนั้น เพชรจะเสียงหายได้

บางที่ใช้ ทรายผสมน้ำเปียกๆมาปั้นๆและหุ้ม สินค้าชั้นแรกก่อน เอาหนาๆ

และนำดินเหนียวมาหุ้มทรายที่เปียกน้ำอีกที
แล้วค่อยเผา เวลาทุบเจอเพชรทรายจะไหลออกมาเลย

การผลิตศิลาขอน มันมีเทคนิค
เราเคยเห็นเขาทำกันถ้าไม่ทำแบบนี้
เพชร ลูกแก้ว หรือของด้านใน

อาจจะ เจอค้อนทุบโดน เสียหายได้
ถ้ามีการหุ้มสินค้า ด้วยวิธีของเขา
เพชรจะไม่ได้โดน ทุบแตก

ยิ่งถ้าใช้ดินที่จอมปลวกมาทำ
เพราะจะแข็งมาก  มาก เหมือนทุบปูน
แข็งมากกว่า ดินเหนียวปกรติ
ส่วนใหญ่ โยนใส่กองไฟ ใช้ไฟเอา

 ถ้ามี เตาเผาเครื่องปั้นดินเผายิ่งดี

บางทีใช้ดิน ผสม ทราย กับปูนปั้นก็มี




https://youtu.be/JixUVof5W9A
ในคลิป มีแต่คนด่าพระที่ไหนกัน
ใส่จีวร มาหลอกลวงคน
มีทั้งเหล็กไหล  พระพุทธรูปเรซิ่นองค์จิ๋ว
 รูปปั้นนาคราชยังมี พลาสติกบางๆหุ้มสงสัยลืมแกะออก ก่อนยัดใส่ดิน

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สงครามระหว่างอสูรราชกับนาคราช ในภพบาดาลชั้นที่5

 #พญาพิณจารกา หรือ #พญาปินจารกา
ใน หนังอินเดีย BollyWood

ในประเทศอินเดียจะมีตำนานหนึ่ง
https://youtu.be/wtgu1bh8IDA

ชื่อตำนานNagarvanShi
(วันชัยชนะของนาครราช)
เกื่ยวกับกับ สงครามระหว่างอสูรกับนาคราช
ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เมืองนาคราชใหญ่ๆ กับ เมืองอสูรขนาดใหญ่

นาคเทพ ที่อยู่บนสวรรค์
ชื่อ พญาพิณจารกา หรือปินรกา

จึงลงมาช่วยนาคในภพ นาคโลก

รบกับ พวกอสูร เพราะในบาดาลโลกชั้นที่5มี

เมืองอสูร กับเมืองนาคราชที่ ตั้งใกล้ชิดกัน
มีการรบบ่อยมาก มาก

สาเหตุมาจากเป็น รัฐกันชน ถึงจะเป็น
 รัฐนาคาเล็กๆแต่ต้องทำสงครามบ่อย มาก มาก จนผู้ชายในเมืองนาค ตายจากการรบกับอสูรจำนวนมาก

นาคผู้หญิงในเมืองนี้ต้องหัดจับอาวุธขึ้นมารบ

แนวหน้าการรบกับ อสูรคือ

เจ้าหญิงนาคีสุทธา มุตตา นาคสีฟ้าปนสีรุ้ง

https://youtu.be/68NELgvYkNQ

กองทัพอสูร ส่งอสูรจอมเวทย์ ทหารอสูรแลั
นักรบหญิง กับ มาใช้คาถาจับ เจ้าหญิงนาคี
สุตตา มุตธา

เนื่องจากหลังจากที่สามีตาย บิดาตาย จากการรบ
เจ้าหญิงจึงขึ้นมา เป็น เจ้าเมืองปกครองแทน

ภายหลัง มีนักเขียนมีแรงบัลดาลใจ
นำชื่อและประวัติต่างๆ มาแต่งนิยาย

จนมาทำเป็นหนัง BollyWood แนว มนุษย์
ทะลุมิติไปภพนาคราช

https://youtu.be/wtgu1bh8IDA



วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

มหาราชสาลีวาหาร กษัตริย์ที่นับถือศาสนาพุทธ ในช่วงต้นศตวรรษที่12

การแต่งกายของสาลีวาหารนาคราช
ในสมัยมาจุติเป็น มนุษย์









shalivahan , satavahan ,salivahana

มหาราชสาลีวาหาร
 ( อดีตชาติคือสาลีวาหาร บุตรชายคนโตของอนันตนาคราช)

ที่เกิดในยุคต้นศตวรรษที่12

สมัยนั้นผู้ชายไม่ได้ไว้ยาว บางคนโกนหัว

ด้วยซ้ำไป เพื่อระบายความร้อน

ใส่เกราะแบบเปิดแขนทำให้

สามารถเคลื่อนไหว แขน
 แกว่งดาบได้คล่องตัว
 และไม่ร้อนมาก ท่านจะไว้ผมยาวแค่คาง

น้ำหนักจะเบากว่าใส่เกราะปิดทั้งแขน

#เมื่อสาลีวาหารนาคาธิบดีเลือกจะมาเกิดเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป

ด็อกเตอร์ไจยเศรษฐี  รามานัยอี
ผู้เขียน  ชีวประวัติ สาลีวาหารมหาราช
ที่นำมาสร้างเป็น  หนังประวัติศาสตร์
Link ; https://youtu.be/FhlsfkfZO38
Shalivahana 2017
ครั้งหนึ่งในอินเดียมีการสู้รบกับต่างชาติ
ครั้งใหญ่เกิดขึ้น
ชนวนของสาเหตุมาจาก การแผ่อำนาจของชนชาติอิสลามในอิหร่าน  และ ชนชาติกรีกที่นับถือคริสต์

อิสลามมีการพูดดูถูกศาสดาของศาสนาอื่น  ดูถูกเทพต่างศาสนาจนทำให้ คนในประเทศอินเดีย  ในตอนนั้น หัวร้อนกันเป็นแถว
ที่มีทั้งพุทธและฮินดู อยู่ร่วมกัน โกรธจัดและลุกขึ้นมาเตรียมรบขนานใหญ่จนได้ชัยชนะ

ที่รบกับคนต่างศาสนา ทั้งอิสลาม และ คริสต์
เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ในศตวรรษที่12











นักโบราณคดีจะเขียนตามจริงต่างจากพวกจินตนาการนิยาย ที่มโนจะโม้ จะทำไม

#นักข่าวมาสัมภาษณ์  #ดอกเตอร์ที่มีชื่อเสียง

#คนเขียนชีวประวัติเรื่องของ  #มหาราชสาลีวาหาร

 #กษัตริย์อินเดียที่ปกป้องพระพุทธศาสนา

#เป็นบุตรอนันตนาคราช มาเกิดเพื่อ ต่อสู้กับกษัตริย์ต่างศาสนา

ในหนังใหญ่ สาลีวาหารเป็นลูกกษัตริย์  ไม่ได้เป็นลูกชายของคนปั้นหม้อขายแบบที่  อินเดียผิวดำในวรรณะศูทร และจัณฑาล เขียนเพ้อเจ้อเข้าไป

ในอินเดีย ตำนานต่างๆของเทพเจ้า นาคเทวะ กษัตริย์ที่มีชื่อเสียง จะชอบ เกทับ กันไปๆมาๆ

ถ้าให้พูดตาม โบราณคดี ที่ถูกต้อง
มีการสืบค้น จนเจอลูกหลานคนในราชวงศ์ศากยะวงศ์ จนพบความจริงมากมาย

ท่านเกิดในตระกูลศากยวงศ์  เหมือนกับ พระพุทธเจ้าและระลึกชาติได้

อันที่จริงสมัยนั้น มีคนระลึกชาติได้จำนวนมาก

คนสมัยนั้นมีการฝึกนั่งสมาธิกันมานาน
จาก โยคี ฤาษี  พราหมณ์  มีการฝึกวิชา ฝึกคาถาอาคม ต่างๆมากมาก รวมไปถึงวิชาโหราศาสตร์
การต่อสู้  การเดินทัพ จารีตประเพณีต่างๆ

แต่สงวนความรู้ต่างๆไว้แค่ใน วรรณะสูงๆเค้าเรียนเท่านั้น

คนวรรณะต่ำ ไม่มีโอกาสทางการศึกษา  การ่ำเรียนวิชาการปกครอง วิชาการต่อสู้  การเดินทัพ
เป็นไปไม่ได้ ที่คนวรรณะต่ำจะได้มี โอกาสขึ้นเป็น มหาราชาของอินเดีย  อย่างน้อยต้องเป็น คนวรรณะสูงๆ ไม่ใช่วรรณะล่าง  คนชั้นล่างไม่มีโอกาสทางการศึกษา จะบวชเป็น พราหมณ์  หรือ ทำตัวแบบฤาษี
ก็ มีความผิดคะ



ดอกเตอร์ไจยเศรษฐี รามานัยอี คนเขียนตำราสารพัด สารเพ จนคนเอาไปสร้างหนังหาเงิน

ดูเหมือนท่านจะเขียนเป็นตำราประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับ กษัตริย์อินเดียโบราณหลายคน
ย้อนไปราว3000ปีก่อน  เป็นนักประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ที่กล้าเขียนแย้งกับ ตำนานที่มีการเขียน แข่งกัน เกทับไปมา

ท่านไม่ได้เขียน จินตนาการนิยาย รักรันทด โศกสลด หัวใจ แตกสลายนะจ๊ะ

ตามหารักสุดขอบฟ้า  รักข้ามมิติ คนกับนาค
มันเนื้อหาจะเอาใจสาวๆ เราก็ชอบไม่ใช่ ไม่ชอบ

แต่บางที  สิ่งศักดิ์สิทธ์ จะพยายามดลจิต ดลใจ
ให้เรา ใจกล้ามากพอจะพูดความจริง

ท่านสาลีวาหาร ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและพระมารดา
นำชื่อ  ลูกชายคนโตของท่านอนันตนาคราช

ที่ชื่อ สาลีวาหาร มาตั้งเป็นชื่อโอรส ตามความฝันก่อนตั้งครรภ์

แต่ พระโอรสสาลีวาหาร  ถูกเรียกในชื่อ
อื่นด้วย  ท่านมีชื่ออื่นด้วยที่ชาวบ้านยกย่องเรียก

ุถ้าจะค้นหาความจริง ต้องเอาชื่อ
คนเขียน หนังสือโบราณคดี ไปค้นหาข้อมูลอีกที ใน โกเกิล มันมี อีบุคส์ หนังสือ สแกนขายยกเล่ม

เรื่องจริงมีแค่เรื่องเดียวในหนังใหญ่ สร้างจาก โบราณคดี ไม่ได้อิงเทพนิยาย ที่แขกดำเขียน

ว่าเกิดเป็น ลูกชายคนปั้นหม้อ ก่อนได้ขึ้นเป็น กษัตริย์

เป็นเรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์ของ

ท่าน สาลีวาหารกษัตริย์นับรบ ที่ปกป้องพุทธศาสนา
ในประเทศอินเดีย

#หนังสงครามปกป้องพุทธศาสนาจากต่างชาติ
#ShalivahanPowerful2017

#สาลีวาหาร
#เพชรภัทร

เป็นหนังที่นำชีวิตจริงของท่านสาลีวาหารไปสร้างทุนสร้างมหาศาล  ถ่ายทำออกมาได้สนุกและเนื้อหาดีมาก  ฉากรบกัน ฆ่ากันตายมันส์มากมาก

ทั้งฉาก แสง สี เสียง อลังการงานสร้างมาก
 เป็นหนังที่สร้างรายได้มหาศาล ปี2017
ที่พึ่งทราบนะแต่ ถ่ายทำดีเหมือนเรื่องบาฮูบาลี

สร้างได้ดี เทียบเท่ากับเรื่อง300 ของ ฮอลลีวูด

ในอินเดียมีสงครามศาสนามานานแล้ว

ท่านสาลีวาหาร เป็น กษัตริย์นักรบที่ปกป้อง
พุทธศาสนาในอินเดีย ไม่ให้ถูกทำลาย

รบตั้งแต่หนุ่มจนแก่ (ไว้หนวด โพกผ้า)

ไตเติ้ลหนังใหญ่ ชีวประวัติ กษัตริย์นักรบ

https://youtu.be/LRY07BWI3ys

หนังอินเดียฟอรม์ยักษ์  ทุนสร้างมหาศาล

https://youtu.be/FhlsfkfZO38  (หนังใหญ่)

Shalivahan  Powerful2017

ในบางตำราบอกว่า ท่านสาลีวาหาร เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในตระกูลศากยวงศ์

์ แต่ ในบางตำรากล่าวว่า
เป็นบุตรชายของ ช่างปั้นหม้อ สามัญชนคนหนึ่งเป็นลูกชาวบ้าน

เป็น บุตรชายคนโตของท่านอนันตนาคราชมาเกิด ตอนเกิดมี งูเลื้อยเข้าบ้าน มาเฝ้าดูที่เปล

บางทีก็ งง กับตำนานในอินเดียเหมือนกันนะที่
ชอบแต่งเรื่อง เกทับ กันไปๆมาๆ

จนบางทีก็ เนื้อหาก็ขัดแย้งกันเอง
เช่น ในเรื่องประวัติการกำเนิดของ เทพเจ้า
 แต่หล่ะองค์ ก็มีหลายเวอร์ชั่น เลยทีเดียว

ในอินเดียใต้ จนถึง ศรีลังกา  จะนับถือ พุทธ-พราหมณ์  จำนวนมาก ส่วนใหญ่เปลี่ยน
ศาสนาเพื่อหนีระบบ วรรณะ ที่กดขี่มนุษย์ด้วยกันอย่างมาก

เพราะว่าระบบ วรรณะจะตัดโอกาสความก้าวหน้าของคนวรรณะต่ำ  ความสามารถที่มีก็ถูกจำกัด ให้ทำงานได้ตาม วรรณะของตนเองเท่านั้น  เป็นไปไม่ได้เลยที่ วรรณะล่างๆจะได้ขึ้นเป็น กษัตริย์

อีกทั้งคนในตระกูลศากยวงศ์ ส่วนใหญ่จะเป็นแขกขาว มีอาชีพที่ชนชั้นสูง
้เขาทำกัน เช่น ค้าขาย เป็นนักรบ เป็นข้าราชการ  เป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมือง ซะส่วนใหญ่



ท่านสาลีวาหาร เป็น กษัตริย์ที่นับถือพุทธศาสนามีโอกาสสูงมาก มาก ที่จะมีการแต่งเรื่องเพิ่มเติมเข้าไปจากเดิม เนื่องจาก

เนื่องจาก  ท่านสาลีวาหาร
มีประวัติที่ดีงาม ในการช่วยเหลือชาวบ้าน
คนยากจน  ไม่ถือตัว ช่วยดูแลชาวบ้านตอนเกิดภัยธรรมชาติต่างๆมากมาย

เคยเตือนชาวบ้านก่อนจะเกิด น้ำท่วมใหญ่โดย
สั่งให้ชาวบ้านขนหินมากั้นน้ำ รอบบ้าน สั่งให้เตรียมพร้อม รับภัยธรรมชาติ

โดยได้รับความช่วยเหลือจาก บิดาท่านอนันตนาคราช มาเข้าฝันก่อนจะ เกิดภัยธรรมชาติ

#สาลีวาหารมหาราช  ฮีโร่ของประชาชน

https://youtu.be/FhlsfkfZO38 หนังใหญ่2017
ในอินเดียมีกษัตริย์มากมาย เพราะว่า เป็นประเทศขนาดใหญ่ มีหลายรัฐมารวมกัน มีหลายศาสนา หลายเชื้อชาติ

แต่จะมีแค่ไม่กี่คนที่จะได้รับ การยกย่องว่าเป็น  กษัตริย์มหาราช หรือ

กษัตริย์ที่มีคุณธรรม เป็น ฮีโร่ของประชาชน

มนุษย์ที่เกิดมา มันมีหลายแบบ
ทั้งแบบ สร้างสรรค์สิ่งดีงามทิ้งไว้บนโลก
กับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายมากมายทิ้งเอาไว้บนโลก
กับคนที่อยู่ไปวันๆไม่ได้ทำอะไรเลย ลอยไปเรื่อยๆตามกาลเวลา รอวันตาย

ทุกคน อยู่ภายใต้ กฎแห่งกรรม ไม่มีใครหนีพ้น

กฎแห่งกรรม ทุกอย่างต้องได้รับโทษ ของมัน

อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ความจริง

เมื่อถึงเวลา บาปกรรมต่างๆ

ความจริง  มันจะย้อนกลับมาทำลาย

คนที่เอาเรื่องไม่จริงมาพูดเอง

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

พระนางคลีโอพัตราสวยจริง หรือ มั่วนิ่ม?








วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562


พระนางคลีโอพัตราสวยงาม เป็น1ในปฐพีจริงเหรอ?

ความงดงามของ พระนางคลีโอพัตรา เป็นที่เลื่องลือ เกินความจริงมานานเป็น1000ปี

นี่่เป็นรูปวาดของ คลีโอพัตราด้วย กระดาษปาริปุส

เป็น แบบอย่างการตัดชุด
  เจ้าหญิงอียิปต์โบราณ

มาให้นางเอกใส่ แสดงหนังย้อนยุค
ของ อียิปต์โบราณมากมาย

ทั้งที่ แฟชั่นเปลื่ยนไปตามยุคสมัย

ที่แน่นอนคือ พระนางคลีโอพัตรา

แต่งตัวเก่ง ชอบ แต่งหน้าให้งดงามสมฐานะ

เห็นต่างหู ทรงทันสมัยสุดๆ เป็น งูทองคำยาว
สวยมาก




จากการค้นคว้าความจริง
พระนางคลีโอพัตรา ไม่ใช่คนสวยขนาดนางงาม แต่สวยแบบธธรรมชาติ สวยแบบเจ้าหญิงทั่วไป
ที่แต่งตัวดี ด้วยเสื้อผ้าสวยงาม
ทรงชอบทาปากสีแดงจัด ทาตา ทาแก้ม
ทรงชอบพอกหน้าด้วยสมุนไพรกับน้ำผึ้ง บ่อยๆ ทรงรักสวยรักงาม

แต่ทรงมีจมูกโต งุ้มเหมือนเหยื่ยว จมูกโตไปแต่มีผิวกาย เนียนขาวสะอาด รูปร่างดี ตาโต ปากบาง ผมหยักศก

 หน้าตาทรงดูคมเข้มมีสติปัญญาฉลาด หลักแหลม มีเลห์เพทุบาย มากมาย

ทรงชอบแต่งหน้า และ อาบน้ำนมวัวทุก7-10วันเพื่อดูแลผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องของคลีโอพัตราจน เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

บรรพบุรุษ คลีโอพัตราคือ ปโตเรมี ชาวกรีกคะ

By.... อรมณีจันทร์
Fb.com/cindytarot

Photo รูปปั้นใบหน้าที่แท้จริง ของ พระนางคลีโอพัตรา ราชินี อียิปต์ ที่มีชื่อเสียง



ในอียิปต์  มีพิพิธภัณฑ์ เก็บรวบรวมโบราณวัตถุ หลายพันชิ้น


เป็นจุดสำคัญที่สร้างรายได้ให้ ประเทศมหาศาลในทุกปี

ประเทศไทย ก็มีดีเช่นกันไม่แพ้อียิปต์
แต่ ความไม่มั่นคงทางการเมืองทำให้คนเผ่น

ประเทศไทยมี รัฐประหารบ่อยเกินไป
คนต่างชาติจึงกลัว ไม่กล้ามาเทื่ยว
ประเทศไทยเพราะกลัวมีปห.

อาณาจักรกรีกโบราณ ก็เคยถูกเผาทำลาย
โดย กษัตริย์อิหร่านหรือสุลต่านเปอร์เซียโบราณ



ในอียิปต์โบราณ มีห้องสมุดประชาชน ปโตเลมี ให้ นักปราชญ์ บัณฑิต ศึกษาเรียนรู้
พระนางคลีโอพัตรา ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยการดื่มยาพิษเมื่อ 12 สิงหาคม ก่อนคริสตกาล


รูป พระนางคลีโอพัตรา นำแสดงโดย

ดาราอลิซาเบธ เทลเลอร์ 

หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชดินแดนในอียิปต์ก็ตกเป็น ของแม่ทัพคนสนิทของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้แก่ ปโตเลมี โซเตอร์ (Ptolemy Soter) ซึ่งได้ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นใหม่นามว่าราชวงศ์ปโตเลมาอิค (Ptolemaic Dynasty) เข้าปกครองอียิปต์ตั้งแต่ ๓๐๕ ปีก่อนคริสตกาล จนถึง ๓๐ ปีก่อนคริสตกาล และนับเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์โบราณ หลังจากเมืองถูกยึดเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน 
            ในช่วงยุคของราชวงศ์ปโตเลมาอิก ตัวเมืองอเล็กซานเดรียได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองท่าที่สำคัญ มีความเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง เป็นศูนย์กลางของนักเดินทาง พ่อค้า นักแสวงโชค เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่มีขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือเป็นศูนย์รวมของศิลปวิทยการและวัฒนธรรมที่ก้าวไกลเป็นอย่าง มากในยุคนั้น
 จึงอาจกล่าวได้ว่าเมืองอเล็กซานเดรียนั้นถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด ในโลกยุคนั้น โดยจากบันทึกของนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันที่ได้มาเยือนเมืองแห่งนี้ ได้มีการบันทึกไว้ว่า ในยุคนั้นเมืองอเล็กซานเดรีย เป็นเมืองที่มีพระราชวัง ปราสาท สถานที่อาบน้ำ และภัตตาคารจำนวนมาก รวมถึงห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมคัมภีร์ วรรณกรรม วรรณคดี งานเขียน และจารึกต่างๆ ทุกรูปแบบในสมัยนั้นไว้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งการศึกษาทางวิชาการที่สำคัญที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในยุค โบราณ


ไม่มีความคิดเห็น: