วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

หลักฐานที่ว่าพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง

วิลเลียม เปบเป ชายคนแรกที่ค้นพ้นหลักฐานยืนยันว่าพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง
เมื่อ พ.ศ.2439 มิสเตอร์วิลเลี่ยม แคลกซ์ตัน เปปเป (William Claxton Peppe) ชาวอังกฤษ ซึ่งมีถิ่นพำนักในประเทศอินเดีย ได้ขุดค้นซากปรักหักพังของสถูปโบราณซึ่งจมอยู่ภายใต้เนินดินี่ตำบลปิปราห์วะ (Piprahwa) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบัสติ (อันเป็นที่ตั้งกรุงกบิลพัสด์สมัยพุทธกาล) ห่าง 70 กิโลเมตรจากเมืองโครัขปูร์ (Gorakhpur) ติดพรมแดนเนปาล เพราะได้พบดวงไฟประหลาดพวยพุ่งออกจากกองเนินดินสถูปร้างเป็นอัศจรรย์นัก ณ บริเวณใกล้ที่พักอาศัยของตน โดยในครั้งแรกได้ขุดหลุมกว้าง 10 ฟุต และลึก 8 ฟุต จนกระทั่งทะลุถึงถ้ำซึ่งก่อด้วยอิฐ เกิดความมั่นใจว่าเนินดินนี้จะต้องเป็นสถูปในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน . จึงหยุดการขุดไว้ก่อนและได้ขอคำปรึกษาไปยังนักโบราณคดีและเมื่อขุดรื้อสำรวจพบพระสถูปโบราณจากตรงกลางยอดลึกลงไป 10 ฟุต ได้พบท่อกลมก่อด้วยอิฐปากกว้างราว 2 คืบ จึงขุดตามท่อกลมนั้นลงไป ได้พบหีบศิลาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทำจากหินทราย 1 หีบ ภายในหีบศิลามีผอบศิลา 3 ผอบ กับหม้อแก้ว 1 หม้อ เต็มไปด้วยข้าวของ เงินทอง เพชร พลอย และเครื่องประดับต่างๆ มากมาย ประกอบด้วย เครื่องหมายพระรัตนตรัย ใบไม้ และนก นอกจากนั้นยังมีแผนทองคำตีตราเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ด้วย แต่สิ่งที่ทำให้มิสเตอร์เปปเปเกิดความตื่นเต้นมากที่สุดก็คือ ภายในหีบศิลามีผอบบรรจุอัฐธาตุประมาณสักฟายมือหนึ่ง (one handful) และตัวผอบมีข้อความจารึกเป็นอักษรพราหมี (Brahmi) น่าจะมีอายุมากกว่า 300 ปี ก่อนคริสต์ศักราช นั่นก็คือ เป็นอักษรที่จารึกมาแล้วประมาณ 2,198 ปี ก่อนการขุดพบ นักภาษาศาสตร์เชื่อว่า น่าจะเป็นภาษาที่ใช้ในสมัยพระพุทธองค์ทรงพระชนม์อยู่ หรือหลังจากนั้นก็ไม่น่าจะเกินพุทธศตวรรษที่ 2-4 โดยมีข้อความว่า “อิยะสะลิละนิธะเนพุธะสะภะคะวะตะสะสากิยานะสุกิติภาตีนังสะภะคินิกานะสะปุตะทาลานะ” แปลได้ว่า “ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของตระกูลศากยราช ผู้มีเกียรติงาม กับพระภาดา พร้อมทั้งพระภคินี พระโอรส และพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวาย” จากจารึกและข้อสรุปของนักภาษาศาสตร์ทำให้มั่นใจได้ว่า พระธาตุที่บรรจุอยู่ภายในผอบนี้ เป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดส่วนที่เจ้าศากยะได้รับไปในคราวแบ่งพระบรมสารีริกธาตุหลังการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน การขุดพบครั้งนี้จึงเป็นการค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ครั้งแรกของโลก ในระหว่างนั้นพระชินวรวงศ์ หรือพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ได้ผนวชเป็นพระภิกษุได้เดินทางออกจากศรีลังกาไปยังอินเดียพร้อมกับคณะสงฆ์ศรีลังกาจนถึงกรุงกบิลพัสดุ์ได้ไปเห็นการขุดค้นแล้วพบพระบรมสารีริกธาตุ จึงอยากจะนำมาถวายในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงเข้าไปขอนายเปปเป้ ฝ่ายนายเปปเป้ได้นำเรื่องนี้ไปให้ข้าหลวงพิจารณา ในที่สุดท่านลอร์ดมารควิสเคอร์ชัน (The Lord Curzon of Kedleston) ผู้ดำรงตำแหน่งอุปราชครองประเทศอินเดีย ซึ่งเคยมาเมืองไทย และมีความคุ้นเคยกับรัชกาลที่ 5 เห็นว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวพุทธ จึงควรมอบสมบัติอันล้ำค่านี้แก่ชาวพุทธ ซึ่งเห็นว่า พระมหากษัตริย์ที่ทรงนับถือศาสนาพุทธสมัยนั้น ก็มีแต่พระเจ้ากรุงสยามเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น . รัฐบาลอินเดียจึงได้แจ้งความประสงค์ที่จะทูลเกล้าถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่รัชการที่ 5 โดยให้ฝ่ายไทยส่งผู้แทนเป็นคณะราชทูตไปรับ และขอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุแก่ประเทศต่างๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาอีกด้วย ในหลวงจึงได้สรรหาบุคคลที่มีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษได้ดี รู้จักภาษาบาลีและพระพุทธศาสนา เป็นทูตไทยไปรับ ผลการคัดเลือกจึงได้ พระยาสุขุมนัยพินิจ (ปั้น สุขุม) ซึ่งเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช เป็นมหาเปรียญและรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี พร้อมด้วยหลวงพินิจอักษรรวมคณะ 23 ท่านไปรับมอบที่เมืองโครัขปูร์ รัฐอุตตรประเทศ เดินทางโดยเรือกลไฟของอังกฤษ เมื่อมาถึงได้เชิญโกษฐ์กาไหล่ทองคำมารับ นายวิลเลี่ยม โฮย ข้าหลวงอังกฤษเมืองโครัขปูร์เป็นตัวแทนฝ่ายอินเดียมอบที่จวนผู้ว่าเมองโครัข์ปูร์ . หลังจากนั้นคณะทูตไทยก็ได้เดินทางกลับมาขึ้นฝั่งที่เมืองตรัง มีประชาชนจากเมืองตรัง ภูเก็ต ระนอง ตะกั่วป่า พังงา ทราบข่าวการเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุก็พากันแห่แหนมาบูชาเป็นเรือนหมื่น แล้วเดินทางต่อมาถึงกรุงเทพ มอบให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ เสนาบดีกระทรวงเมือง มาประดิษฐานที่พระสมุทรเจดีย์ ปากน้ำ ในระหว่างนั้นในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวร จึงโปรดให้ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชา กรมขุนนครราชสีมา เป็นตัวแทนพระองค์ไปบรรจุที่บรมบรรพรต (ภูเขาทอง) ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2442 และทรงโปรดฯ ให้มีพิธีเฉลิมฉลองสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน Cr http://www.bhujati.org/detail.php?no=20 Cr. https://m.pantip.com/topic/41096240 ขอขอบคุณ พี่ กรยุทธ ตะพาบน้ำ ครับ ____________________ #ภาพและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

ลิงค์รวม คลิปเกี่ยวกับ พญาเพชรภัทรคราช

ลิงค์รวม ตำนาน พญาเพชรภัทรนาคราช
สาลีวาหารนาคาธิบดี https://youtube.com/playlist?list=PL2qU8jm9Q1WHtJO0SOPGZwuPBLujTZdpy

ตำนานที่บิดเบือน3ตำนานของ มหาราชสาลีวาหาร

https://youtu.be/4mGf4Hay5OI
ตำนานที่บิดเบือน3ตำนาน ในหลายยุคในอินเดียโบราณ ที่อ้างชื่อ มหาราชสาลีวาหาร https://youtu.be/4mGf4Hay5OI ตำนานสาลีวาหาร:เหตุการณ์หลังจากอนันตนาคมาเข้าฝันบุตรชายเตือนเรื่องน้ำท่วมใหญ่ในแม่น้ำโคทวลี https://youtu.be/bHvqEEyQ2hk #ดูข้อมูลประวัติสาลีวาหารใต้คลิปนะคะ #เพชรภัทรนาคราช #สาลีวาหาร ด็อกเตอร์ไจยเศรษฐี รามานัยอี ผู้เขียน ชีวประวัติ สาลีวาหารมหาราช ที่นำมาสร้างเป็น หนังประวัติศาสตร์ Link ; https://youtu.be/FhlsfkfZO38 (หนังที่สร้างจากประวัติของมหาราชสาลีวาหาร) Shalivahana 2017 เลือกเลข1-8 คนที่คุณนึกถึงเขามีแผนการร้ายอะไรอยู่ในตอนนี้ขอคำแนะนำจากไพ่พระพิฆเนศ รับดูดวงเป็นการส่วนตัวติดต่อทางไลน์เท่านั้น อ.เอ๋ ไลน์ aetarot24 https://youtu.be/S7KCyvFkLy8 เวบบล็อค https://naagking.Blogspot.com 🏤🐉🌏เหตุการณ์หลังจาก🌊🐍🌊พญาเศษะอนันตนาคราชมาเข้าฝันลูกชายที่มาจุติ 👼เป็น กษัตริย์สาลีวาหาร🎆🔮 เพื่อเตือนภัย เกื่ยวกับน้ำท่วมใหญ่ และ ไฟป่า 💥🌃⚓ ในเวบ Adi-Sheshan =อธิเศษะ คำว่า อธิแปลว่าลูกคนแรก คำว่า เศษะ คือชื่อจริง อนันตคือ สมญานาม ที่มีหลายเศียร 💎Shalivahana 🐍คือ มหาราชที่ยิ่งใหญ่สาลีวาหาร 👑 ช่วงต้น ศตวรรษ12 ได้มีภัยธรรมชาติ หลายครั้ง 🐍👑 มีน้ำท่วมใหญ่ในแม่น้ำโคทาวาลี 🌊เกิดจากฝนตกหนัก☔💧💦 ในช่วง กษัตริย์สาลีวาหาร ได้เริ่มสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ " Shalivahana kingdom" ทุกอย่างของการกระทำ ที่กษัตริย์สาลีวาหารทำลงไปอยู่ภายใต้สายตาของ มหาเทพทั้ง3 คือ ศิวะ นารายณ์ พรหม ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลื่ยงไม่ได้ เป็นกฎแห่งกรรม ที่มนุษย์ต้องดิ้นรน หาทางแก้ไขไป เมื่อไหร่ที่ตาที่สามของ พระศิวะเปิด บนโลกจะเกิด ไฟไหม้ ไฟป่าครั้งใหญ่ ถ้าโลกเบื้องบนวุ่นวาย โลกเบื้องล่างก็ ย่อมวุ่นวายไม่ต่างกัน เพราะสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์ คนอินเดียมีความเชื่อว่า เมื่อไหร่ที่ บนโลกรบกัน หรือมีเรื่องวุ่นวาย บนสวรรค์ก็จะเกิดมีเรื่องวุ่นวาย และรบกันไม่ต่างจากบนโลก ในช่วงที่อสูรยึดสวรรค์ ขับไล่พวกเทวดาลงมาจากสวรรค์ได้บนโลก ก็เกิดภัยธรรมชาติใหญ่ๆเช่นกัน ในอินเดียทุกครั้งที่มี พายุมรสุมถล่ม จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ จะมีคนตายเป็นแสน เลยทีเดียว โชคดีที่ กษัตริย์สาลีวาหาร เข้ามาปกครองอินเดีย สร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้ ทำให้ ประชาชนรอดตายเป็นล้าน ในช่วงที่มีการ ก่อร่างสร้างอาณาจักรของ สาลีวาหารหรือสเตวาหาน ทางกษัตริย์ ได้สร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นกองทัพที่มี ทหารในสังกัดราว 20ล้านคน จาก ประชากรใน 8 รัฐใหญ่ ที่สามารถโจมตี ยึดเมืองและขยายอาณาเขตมาได้ กว้างขวางมาก ท่านสาลีสาหารเป็น คนฉลาดมากมาก ทุกครั้งที่ยึดเมืองไหนได้ ท่านจะสั่งให้สร้าง หอคอย เป็น วงกลม สูงขึ้นไป นับรวมได้8หอคอยใหญ่ ที่บรรจุคน เป็น พันเข้าไป หลบฝนข้างในได้อย่างสบาย บนหอคอย หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่าประภาคารแม่น้ำ สาลีวาหาร เพราะ ตั้งเป็น จุดนำทางให้พวกเดินทาง ทางเรือ และ ทางม้า ไม่หลงทิศทาง ในยามกลางวัน หอคอยจะสูงโดดเด่น พวกกองคาราวานสินค้าจะเห็นชัดเด่นไกล ในยามกลางคืน จะ ก่อกองคบไฟนำทางบนยอดสูง ของประภาคาร เรือจะได้ไม่เลี้ยวผิด หลงทิศทางไปที่อื่น หลังจากที่ท่านสาลีวาหารทราบจาก พระบิดาท่านเศษะอนันตนาคราชมาเข้าฝัน ว่ากำลังจะเกิดภัยธรรมชาติ จะมีพายุลูกใหญ่เข้าหลายลูกจะมีหลายเมือง รอบๆแม่น้ำโคทาวลี จมน้ำหมด จะมีคนไร้ที่อยู่และ ตายเป็นแสน เป็นล้าน เป็นเรื่องที่ น่าหนักใจมาก เพราะชีวิตประชาชน นับล้านอยู่ในมือของท่าน ในสมัยนั้น คนอินเดียนิยมสร้างบ้านจาก ดินโคลนในแม่น้ำ ทุกวันนี้ในสารคดี บ้านของคนอินเดียก็ยังชอบ สร้างจากดินโคลนผสมหินเล็กๆและขี้วัว เอามาสร้าง สามารถสร้างได้เร็ว เหมาะสมกับ อากาศร้อนเพราะ ข้างในบ้านจะเย็นสบาย มีการสั่งให้ ทำเขื่อนกั้นความรุนแรงของแม่น้ำ ในสมัยนั้น ท่านสาลีวาหาร ก็สั่งบัญชาการไป ยังกองทัพ ทุกทัพใน อาณาจักรสาลีวาหาร ให้ ทหารและชาวบ้าน มาช่วยกันทำเขื่อนกั้นน้ำ รอบๆหมู่บ้านของชาวบ้าน ในหลายเมือง บ้านใครที่ สร้างจาก ดิน น้ำมาพังแน่ หลังจากนี้อีก5เดือน น้ำจะท่วมหมด ท่านสั่งว่า บ้านใครสร้างจากดิน หรือเป็นบ้านที่ไม่แข็งแรง ให้ใช้ ก้อนหินขนาดใหญ่ มาทำเป็น กำแพงรอบบ้าน ให้เว้นช่วงด้วย เพราะว่าน้ำต้องมีรูเข้า รูออก ส่วน ประภาคารสูง ทั้งหมด ให้เตรียมเสบียง ขึ้นไปเก็บข้างบนให้หมด พวกชาวบ้าน ต้องเอา ข้าวของสำคัญเช่น ยารักษาโรค เสบียงอาหาร มาไว้บนที่สูง ต้องเตรียมผ้า และข้าวของในการทำอาหารอพยพขึ้นที่สูง พวก ทรัพย์สินมีค่า ให้ฝังดินซ่อนไว้ เอาแต่สิ่งจำเป็นย้ายออกมา ก่อนจะอพยพ ย้ายขึ้นมาอยู่ที่สูง ให้รีบทำกำแพงหิน ล้อมบ้านก่อน ต้องทำทางเข้า ทางออกของน้ำด้วยไม่งั้นบ้านจะพังเพราะน้ำจะ หารูออก รูเข้าไม่ได้ ท่านอนุญาตให้ ทหารผลัดเปลื่ยนกัน กลับบ้าน เพื่อไปทำกำแพงหินปกป้องบ้านของตนเอง พวกเศรษฐีที่มี บ้านใหญ่โตอยู่ คฤหาสน์หรูหรา ก็ต้องอพยพเหมือนกัน และต้องอยู่ในค่ายพักผู้อพยพ ก่อนน้ำท่วมใหญ่จะมา ผ่านไป2 เดือน เมื่อเข้าเดือนมิถุนายน ฝนตกหนักมากแต่ไม่ถึงกับเกิด น้ำท่วมใหญ่ก็ตกหนักตามปกรติ พอปลายเดือน กรกฎาคม มี พญานาคดำขึ้นมาเตือนท่านสาลีวาหารอีกรอบ ว่าอีก7วัน จะเกิดคลื่นสึนามิแม่น้ำ ท่านสาลีวาหาร สั่งให้ทหารเตรียมเรือไม่ต่ำกว่า500ลำ ใน8เมือง นับได้รวม 3500กว่าลำ เตรียมความพร้อม ช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดค้าง อยู่บนหลังคาและตามต้นไม้ ส่วนเรื่อง เสบียงอาหารท่านสั่งให้ รัฐเมืองขึ้น ขนย้าย เข้ามากักตุนจำนวนมหาศาล ถ้าใครกล้าขัดคำสั่งกษัตริย์ ก็จะเจอประหาร อย่างเดียว เพราะน้ำท่วมชาวเมืองจะปลูกข้าวไม่ได้ ในการจัดการปัญหาตรงนี้ ต้องรอจนกว่าจะหมด หน้าฤดูที่มรสุมเข้า ตลอดช่วงที่เกิดภัยธรรมชาติ ทั้งจากมีน้ำท่วม และไฟป่า ท่านสาลีวาหารไม่เคยทอดทิ้ง ประชาชน คุณงามความดี ที่ท่านสร้างไว้