วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

 ตำนานพระกัศยปพรหมเทพบิดร ✨✨




พระกศยปเทพบิดร บรมครูผู้สร้างกลไกสรรพชีวิตในจักรวาล

จะนำเรื่องราวของพระองค์ท่านทีเคยลงเปิด เผยเเพร่พระบารมีถึงความยิ่งใหญ่เเละเป็นที่เคารพเกรงกลัวของเหล่าทวยเทพรวมถึงสรรพชีวิตในกฏแห่งวัฏฏสงสารนี้ พระมหาฤาษีผู้ได้รับพระนามยิ่งใหญ่ว่า พระเทพบิดร มาให้รับทราบกันคร่าวๆ

พระกศยปเทพบิดรนั้น ท่านเป็นหนึ่งในเจ็ดมหาฤาษีของโลก เรียกว่าสปตะฤาษี หรือฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ตน ซึ่งได้รับเกียรติและการเคารพสูงสุดจากพระผู้เป็นเจ้าในฐานะคุรุและมหามุนี ในคัมภีร์ศตปถพราหมณะ ระบุชื่อว่า 1.โคตม 2.ภัทรวาช 3.วิศวามิตร 4.ชมทัศนี 5.วศิษฐ์ 6.กัศยป และ 7.อัตริ

ในที่นี้จะกล่าวถึงพระกศยปเทพบิดร นอกจากจะเป็นสปตะฤาษีท่านยังควบตำแหน่งเป็นพระมหาประชาบดีที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดมวลมนุษย์เเละเทพเทวะทั้งปวงตลอดจนสร้างกลไกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

พระกศยปเทพบิดรนั้นในบางตำราก็ว่า เป็นพระบิดาของพระนารายณ์ ในวิษณุปุราณะก็กล่าวว่า เป็นบิดาของมหาฤาษีนารทมุนี ซึ่งพระฤาษีกัศยปเทพบิดรองค์นี้ยิ่งใหญ่ในตบะฌาณทรงศักดิ์และทรงสิทธิ์เหนือมวลเทพเจ้าทั้งปวง

หาก แต่ไม่ค่อยมีผู้ใดกล่าวถึงเเละสร้างท่านกันมากนัก พระกศยปมหาฤาษี มีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ พระกศป, พระประชาบดี อื่นๆ

และด้วยเหตุที่เป็นผู้ให้กำเนิดเทพเทวดา มนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เช่น แทตย์, ทานพ, นาค, ครุฑ และปีศาจ ไม่เว้นแม้ แต่พระผู้เป็นเจ้า ท่านจึงได้รับการขนานพระนามด้วยเกียรติยศสูงสุดว่า พระเทพบิดร

พระองค์มีที่สถิตอยู่ที่เขาเหมกูฎบรรพตเป็นผู้ แต่งโศลกต่าง ๆ ในคัมภีร์ฤคเวทเป็นอันมาก แต่งพระเวทอื่นๆ บางตอนด้วย ว่ากันว่า พระกศยปะองค์นี้ยังเป็นพระอาจารย์ที่สอนศิลปะศาสตร์แก่ 2 ศิษย์ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นมหาอวตารของพระวิษณุที่เก่งที่สุดในโลก สาเหตุของความเก่งกล้าก็มาจากครูผู้นี้นั่นเอง ได้แก่ ปรศุราม (รามสูร) และพระรามจันทร์(พระราม)

ในยุคไตรเภท คัมภีร์ในยุคนี้ได้บันทึกถึงกำเนิดพระศิวะเจ้าว่า ทรงประสูติจาก พระนางสุรภี และพระบิดาก็คือ พระกัศยปะเทพบิดรและในคัมภีร์พรหมมานัสก็ยังกล่าวไว้เช่นกัน

จะเห็นได้ว่า พระกศยปะ มีอัครมเหสีชื่อ พระอทิติ และมีมเหสีฝ่ายซ้าย (องค์รอง) คือ นางทิติ แล้วก็มีชายาอีก 12 องค์ บางตำราก็ว่า มี 13 องค์ นอกจากนั้นยังมีนอกสมรสอีกนับพันล้านนาง

พระกศยปมหาฤษี หรือกัศยปเทพบิดร มีโอรสอยู่มาก เช่น พวกอาทิตย์ทั้ง 8 คือ สุริยาทิตย์, วรุณาทิตย์, มิตราทิตย์, อริยมนาทิตย์, ภคาทิตย์, องศาทิตย์, อินทราทิตย์ และธาตราทิตย์ โดยเป็นโอรสที่เกิดกับนางอทิติอัครมเหสี พูดง่ายๆ คือพระมหาฤาษีองค์นี้ เป็นพ่อของพระอินทร์ พระอาทิตย์ พระวรุณ พระยม เป็นต้น กล่าวง่ายๆ คือลูกของท่านล้วนกุมกลไกต่างๆ ในมหาจักรวาลไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

อีกองค์หนึ่งที่สำคัญมากคือ พระวามน ซึ่งเป็นพระนารายณ์อวตารปางที่ 5 โดยเกิดกับพระนางอทิติเช่นกัน จะเห็นได้ว่า ท่านเป็นฤาษีที่อยู่สูงเเละมีความสำคัญมากแม้เเต่พระเป็นเจ้ายังเลือกที่จะเกิดเป็นพระโอรสของท่านเลย

ส่วน ครุฑ นั้นเกิดกับ นางวินตา อันว่า ครุฑบุตรของพระกศยปะเทพบิดรที่หมายถึงนั้น ไม่ใช่ครุฑธรรมดาสามัญทั่วไป แต่เป็นจอมครุฑพญาสุเรนทรชิตที่เป็นพาหนะของพระนารายณ์ เป็นครุฑที่ชนะพระอินทร์มีอานุภาพเสมอด้วยพระนารายณ์เป็นเจ้า

นาค กับ อรุณ เกิดกับนางกัทรุ พญานาคที่เกิดเป็นโอรสนี้ก็รวมไปถึงองค์อนันตนาคราช บรรพบุรุษแห่งสายนาคพันธุ์ทั้งปวง

มารุต (ลมหรือพระพาย) และแทตย์ เกิดกับนางทิติ พระมารุตหรือพระพายที่เป็นบิดาของหนุมานก็เป็นบุตรของพระองค์

ทานพ เกิดกับนางทนุ

ปีศาจ เกิดกับนางโกรธศา

อสุรินทรราหูผู้เป็นใหญ่แห่งอสุรกายภูมิผู้ได้รับขนานนามว่า เป็นบิดาแห่งมาร ก็เป็นบุตรที่เกิดจากพระกัศยปะเทพบิดรกับนางสิงหิกาด้วย

ท่านเป็นพระบิดาของเทพเจ้าหลายพระองค์มากจริงๆ ไม่อาจกล่าวได้หมด จึงทำให้ท่านเป็นประชาบดีที่ได้รับเกียรติให้ใช้พระนามว่า พระเทพบิดร

จะเห็นได้ว่า ชื่อพระกัศยปเทพบิดร ก็ได้มา เพราะเหตุที่มีลูกเป็นเทพ ที่คนรู้จักกันมากมายหลายองค์นี่เอง ซึ่งเเต่ละพระอง์ก็ยิ่งใหญ่จนมิอาจจะกล่าวได้

กศป หรือ กัสสป มีความหมายเดียวกันคือ แปลว่า ผู้มีฟันดำ ชื่อนี้มีผู้ใช้กันมาก พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 ก็มีชื่อนี้ รวมทั้งพระอรหันต์สาวกองค์แรกที่เป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกก็ชื่อ นี้ (พระมหากัสสป) ทั้งยังเป็นผู้สร้างพระธาตุพนม ตั้ง แต่ พ.ศ. 8 อีกด้วย

อาจมีผู้สงสัยว่า แทตย์ กับ ทานพคืออะไร บอกได้ว่า เป็นอสูรจำพวกหนึ่งตามตำราว่า ชอบจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเทวดามักจะเข้าไปก่อกวนทำลายพิธีของเทวดา และรบกันบ่อยๆ ส่วนปีศาจ ถือว่า เป็นผี มีฐานะต่ำกว่ารากษสและอสูร

หากมองดีๆ แล้วพระกศยปเทพบิดร ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นระบบโครงสร้างของจักรวาลก็ไม่ผิด ด้วยว่า ท่านมีตบะที่สะสมมานานเป็นเอนกอนันต์กาล เป็นที่เคารพเเละยำเกรงต่อทุกสรรพชีวิต เพราะท่านเป็นปฐมบิดา ที่สำคัญท่านมีภรรยามาก

หลวงพ่อพระเกจิชื่อดัง เล่าว่าท่านเป็นฤาษีที่อยู่สูงมาก จะเห็นได้ว่า มีน้อยที่นักที่จะกล่าวถึงมหาฤาษีพระองค์นี้เเละก็ไม่ค่อยมีใครกล้าสร้าง ด้วยว่า ท่านเป็นถึงบิดาของเหล่าเทพองค์สำคัญมากมายเเละที่สำคัญยังเป็นครูเสน่ห์ชั้นสูงสุดที่ไม่ค่อยมีใครกล้าสร้างเเละกล้าเเตะต้องอีกด้วย เพราะเเรงครูสูงมากต้องสร้างเเละเชิญได้จริงเท่านั้น

พระกัศยปเทพบิดรท่านนอกจากจะเป็นยอดบรมครูเสน่ห์สายฮินดูแล้ว ยังมีอภิสิทธิ์เด็ดขาดในทุกๆ เรื่องเนื่องจากเป็นบรมบิดาแห่งทวยเทพทั้งปวงด้วย อยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักในทุกที่ อย่าได้กลัวภัยอันจะเกิดเเก่ภพภูมิทั้งหลายเลย เพราะลูกๆ ของท่านที่ครองภพภูมิต่างๆ ย่อมเกรงใจเเละเคารพท่าน แค่ออกพระนามก็เป็นที่รักต่อสรรพชีวิตโดยรอบเเล้ว เวลาขอพรท่านเเค่ขอให้ลูกๆ ของท่านทุกองค์รักและเมตตาช่วยเหลือเรา ท่านว่า เท่านี้ไปไหนเทวดาก็ลงมากันตรงนั้นเเล้ว

เนื่องจากท่านเป็น1ใน7มหาฤาษีสูงสุดซ้ำยังเป็นพระปชาบดีที่มีภรรยามากที่สุดจนเรามิอาจประมาณได้ เรื่องมหาเสน่ห์ลุ่มหลงนี้ไม่ต้องพูดเลยเชื่อขนมกินได้แน่นอน สตรีที่จะได้เกิดบุตรกับท่านนั้นไม่ใช่ว่า จะเป็นใครก็ได้ กว่าจะได้พระองค์ท่านนี่ต้องเสียเวลาบำเพ็ญตบะระลึกถึงท่านเป็นพันๆ ปีถึงจะมีบุตรกับท่านได้

ครูผู้นี้คือครูต้นผู้ให้กำเนิดกลไกสรรพชีวิตในจักรวาลทั้งหมดได้รับความเคารพยำเกรงจากทุกภพภูมิ จะเรียกว่าหากบูชาท่านเเล้วปรารถนาพรใดใช่เเต่เรื่องเสน่ห์ ก็สามารถบอกกล่าวขอให้ท่านเปิดทางได้ อยู่ที่ไหนลูกๆ ของท่านย่อมให้ความเคารพเเละปกปักรักษา พ่ออาจารย์ท่านว่า ดีเกินดี ดีแบบคาดไม่ถึง ใครที่ชะตาต้องพระราหูมีพระกศยปเทพบิดรที่เราทำไว้ พระราหูไม่กล้าส่งผลต่อเจ้าชะตา เพราะเกรงใจเเละเคารพบิดาท่าน นี่แบบนี้ ที่ว่า ดีแบบคาดไม่ถึง

บรมครูพระเทพบิดรนี้ พ่ออาจารย์เล่าว่า มีอวตารของพระองค์ท่านมากมาย แต่ไม่มีใครพูดถึงกัน บางที่ก็เรียกจอมภพ

การลงมาของท่านก็จะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แปลกๆ ไว้เสมอๆ เป็นการเพิ่มกลไกของชาติพันธุ์และระบบวัฏฏสงสาร เรียกว่าพลังแห่งการให้กำเนิด พลังเเห่งชีวิตคือต้นตอและรากเหง้าแห่งความเจริญทั้งปวงก็ไม่ผิด ท่านเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์คือกล่าวอะไรหรือให้พรแก่ใครต้องเป็นไปดั่งปาก

การแบ่งกลุ่มฤาษี แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ

1.กลุ่มสัตปฤาษี หรือ ฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ 7 ตน คัมภีร์ศตปถพราหมณะ ระบุชื่อว่า 1.โคตม 2.ภัทรวาช 3.วิศวามิตร 4.ชมทัศนี 5.วศิษฐ์ 6.กัศยป และ 7.อัตริ

ทั้งนี้เข้าใจว่าฤาษีผู้เป็นยอดแห่งฤาษีทั้งปวงนั้นในยุคแรกคงมีมากซึ่งทั้งหมดก็ควรได้รับการยกย่องด้วยกันทั้งนั้น เพราะแก่กล้าทางญานสมาบัติ เป็นผู้เข้าถึงพระเป็นเจ้าแล้วโดยสมบูรณ์ เป็นคุรุของคุรุต่างตำราต่างคนจัดอันดับจึงมีการกล่าวที่แตกต่างกันออกไปเป็นเรื่องธรรม และในความเป็นจริงฤาษีที่เป็นยอดก็คงมีมากกว่านี้อีกมากนักแต่ไม่ได้ถูกจัดอันดับไว้ กลุ่มสัตปฤาษีนี้ก็คือ ดาวจระเข้ 7 ดวงบนท้องฟ้านั่นเอง

2.กลุ่มประชาบดี หมายถึงผู้เป็นใหญ่ในลูกหลานหรือผู้เป็นใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์ คือ ฤาษี 10 ตนที่เป็นโอรสอันเกิดจากใจของพระพรหมโอรสที่เกิดจากใจนี้มีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "มนัสบุตร" กลุ่มฤาษีทั้ง 10 ตนนี้จึงเสมือนผู้ที่เป็นทิพย์ เพราะเป็นการเกิดจากใจพระหรหม หาได้เกิดจากครรภ์ของสตรีดังปุถุชนทั่วไปไม่ เมื่อบังเกิดขึ้นมาเบื้องต้นแล้วได้ทำหน้าที่ในการสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทวยเทพ อสูร นาค ครุฑ ปิศาจ ทั้งหลายให้บังเกิดมีเต็มพื้นที่แห่งจักรวาล ตามแนวคิดของศาสนา พราหมณ์ฤาษียังเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้กำเนินสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย อันเป็นการรับหน้าที่โดยตรงจากพระพรหม

ในคัมภีร์มนุสสมฤติมีข้อความอ้างถึงพระประชาบดีทั้ง 10 องค์ว่า พระประชาบดีประกอบด้วย พระฤาษีมรีจิ, อัตริ, ทักษะ, อังครัส, ปุลัสตยะ, ปุลหะ, กระตุ, ภฤคุ, วศิษฐ์ และนารท โดยทั้ง 10 นั้นลวนเป็นบุตรของพระมนู และพระมนูผูนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นมนุษย์คนแรกและเป็นฤาษีผู้ให้กำเนินสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แต่อย่างไรก็ตาม พระนารทเพทฤาษีนั้นเป็นประชาบดี เพียงผู้เดียวที่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกหลาย แต่ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นประชาบดี

ในบรรดาพระฤาษีประชาบดีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาผู้ยิ่งใหญนั้นและปรากฏเกียรติอย่างชัดแจ้งมีด้วยกัน 2 ตน คือ พระกัศยปเทพบิดร และ พระทักษะ สำหรับพระกัศยปนั้นเป็นผู้ทำหน้าที่สร้างทวยเทพเทวา มีฐานะเป็นบิดาของพระอินทร์ และ พระนารายณ์ เป็นบิดา ของเหล่าอสูร งู นก และอื่นๆ อีกมาก ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น"เทพบิดร" อันมีฐานะพิเศษกว่าประชาบดีทั่วไป

ส่วนพระทักษระนั้นเป็นผู้ที่มีลูกสาวมากที่สุด พระทักษระได้แต่งงานกับนางประสูติ และมีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด 60 คน ลูกสาว 10 คนแรกพระทักษะยกให้แก่พญายม ลูกสาวอีก 13 คนยกให้เป็นภรรยาของพระกัศยปเทพบิดร อีก 27 คนยกให้เป็นภรรยาของพระจันทร์ ที่เหลือก็ยกให้ฤาษีท่านต่างๆ ไป หนึ่งในลูกสาวของพระทักษระ คือ พระนางสตี อันเชื่อว่าคือพระนางอุมาลงมาเกิด ลูกสาวผู้นี้มีความพอใจในพระศิวะ แต่พระทักษะกลับไม่ชอบเพราะไม่รู้ว่าพระศิวะผู้นี้แท้จริงคือพระเป็นเจ้า ที่สุดนางสตีกลั้นใจตายเป็นเหตุให้พระศิวะพิโรธ ถึงกับ ตัดคอ พระทักษะ แล้วนำหัวแพะมาต่อให้แทนเป็นการประจาน ถึงความ เขลา ของพระทักษะ ด้วยเหตุนี้พระทักษะจึงเป็นฤาษีหน้าแพะแต่นั้นมา

ตำนานของครุฑในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เล่าว่าพญาครุฑเป็นบุตรของพระกัศยปมุนีเทพบิดร และนางวินตา พระกัศยปมุนีองค์นี้เป็นฤษีที่มีฤทธิ์เดชมากองค์หนึ่ง และเป็นผู้ให้กำเนิดเทพอีกหลายองค์ในศาสนาพราหมณ์ พระองค์มีชายาหลายองค์ แต่องค์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานพญาครุฑนั้น นอกนางวินตาแล้ว ยังมีอีกองค์หนึ่งคือ นางกัทรุ ซึ่งเป็นพี่น้องกับนางวินตาและเป็นมารดาของพญานาคทั้งปวง

☆☆☆คาถาบูชา☆☆☆

โอม อิสีสิทธิเทวา มหากัสสโปจะ เทวะปิตุโร กาเมสุขัง ชีวิตังโหนตุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น